ผู้บริหารเครือเนชั่น ร่วมยินดี ครบรอบวันคล้ายวันเกิด 70 ปี “สุวัจน์”

9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บ้าน 333 ราชวิถี 20 กทม.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา(ชพน.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70 ปี

 

โดยมี สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธาน นอกจากนี้มีครอบครัวและบุคคลในวงการการเมือง อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

 

 

 

 

 

รวมถึงสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ข้าราชการ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ ที่มาเข้าร่วมอวยพร พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และของขวัญ 

 

นอกจากนี้ ผู้บริหารเครือเนชั่น นายวีระศักดิ์ พงษ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น และบรรณาธิการบริหาร นสพ.กรุงเทพธุรกิจ นายสมชาย มีเสน ที่ปรึกษา เครือเนชั่น และนายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารนสพ.ฐานเศรษฐกิจ ร่วมมอบดอกไม้ อวยพร วันเกิด นายสุวัจน์ ลิปตภัลลภ ด้วย

 

 

 

ขณะที่ นายสุวัจน์ ยังได้มอบพระหลวงคูณ รุ่นสร้างบารมี 2564 ให้กับสื่อมวลชนเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย

 

 

 

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาร่วมอวยพรในวันคล้ายวันเกิดและรับประทานอาหารกลางวัน ในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น.

 

 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70ปี ว่า วันเกิดปีนี้ 70 ปี ที่ 69 เป็นคุณตา ปีนี้ 70 ก็คงเป็นคุณปู่ เพราะอาวุโสมากแล้ว และคิดว่าคงได้มีโอกาสทำงานทางการเมือง ซึ่งตนมีประสบการณ์ทางการเมืองมา 38 ปี ซึ่งตนคิดว่าวันนี้บ้านเมืองมีปัญหาเยอะเรื่องเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก 

 

จึงอยากที่จะใช้ประสบการณ์ที่อยู่กับการเมืองมานานให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในการแก้ไขปัญหาประเทศให้เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจระบบการเมือง และพี่น้องประชาชนทั้งนี้อยากให้เศรษฐกิจดีพี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุข

 

ส่วนบทบาททางการเมืองจะเป็นที่ปรึกษาหรือลงมาเล่นเองนั้น นายสุวัจน์ ระบุว่า ตนก็เป็นมาเยอะแล้วจริงๆคิดว่าอยู่ในสถานภาพอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง แต่ขอให้ได้ใช้ประสบการณ์เพื่อช่วยเหลือประเทศไทย ในตำแหน่งอะไรก็ได้ ไม่

 

ส่วนบทบาททางการเมืองจะเป็นที่ปรึกษาหรือลงมาเล่นเองนั้น นายสุวัจน์ ระบุว่า ตนก็เป็นมาเยอะแล้วจริงๆคิดว่าอยู่ในสถานภาพอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง แต่ขอให้ได้ใช้ประสบการณ์เพื่อช่วยเหลือประเทศไทย ในตำแหน่งอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเป็นนั่นเป็นนี่ ในฐานะที่ผ่านเรื่องการทำงานการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจมาเยอะ  ตนก็ยินดีที่จะให้คนแนะนำ และคำปรึกษาต่างๆ ซึ่เป็นเวลาที่ต้องรวมพลังระหว่างประสบการณ์ กับความทันสมัยของนักการเมืองรุ่นใหม่ทั้งนี้หากรวมพลังกันได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถทำให้ประเทศฝ่าฟันวิกฤตไปได้

 

ทั้งนี้ถ้าพูดถึงจุดแข็งของรัฐบาล มองว่าจุดแข็งของรัฐบาลชุดนี้คือเสถียรภาพ เพราะ 322 เสียงกับ 171 เสียง มากกว่าฝ่ายค้านเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีผลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นจำนวนคะแนนที่ค่อนข้างปลอดภัย รวมถึงการออกกฏหมายต่างๆก็ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งเสถียรภาพของรัฐบาลในสภาแน่นปึก แต่ก็ต้องคอยดูแลเสถียรภาพนอกสภา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆต้องแก้ไขเรียบร้อย ดังนั้นจึงย้ำว่า จุดแข็งของรัฐบาลคือเสถียรภาพ ส่วนจุดที่ยังไม่แข็งและเป็นสิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา คือเรื่องเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งเครื่อง

 

ซึ่งตนนายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการทำงานและเศรษฐกิจต่างๆ ถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ตั้งรับในภาวะเศรษฐกิจ และเห็นว่ารัฐบาลได้ทำงาน รวมถคงนายกรักฐมนตรี เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีประสบการณ์ทางการเมือง จึงมองว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถนำพาแก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วง ซึ่งตนก็ขอเป็นกำลังใจในฐานะนักการเมือง และพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนภารกิจของนายกรัฐมนตรี

 

ส่วนเป็นห่วงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าจะมีการยื่นอภิปรายเรื่องอะไร แต่ก็มั่นใจว่าเสถียรภาพและการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังเรียบร้อยดีอยู่ และรัฐบาลก็ต้องทำการบ้านชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนเข้าใจ 

 

 

ส่วนการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาตบจูบกันนั้น นายสุวัจน์ มองว่า การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็หลายพรรค ซึ่งถือว่าเป็นลิ้นกับฟัน และเท่าที่ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆก็ไม่มีอะไรที่เป็นความรุนแรง และไม่เข้าใจกัน ซึ่งมีแค่เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่สามารถเคลียร์กันได้ และมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่จะไปกระทบกับเสถียรภาพและการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

 

ส่วนจุดยืนทางการเมืองพรรคชาติพัฒนาจะไผรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุวัจน์ ระบุว่า จุดยืนทางการเมืองของพรรคชาติพัฒนา ว่า ปีนี้70ปีแลัว แล้วอายุก็มากแล้วก็ถือว่า countdown ทางการเมือง เพราะเวลาทางการเมืองเหลือน้อย หากมีอะไรที่จะตัดสินใจทางการเมือง ก็จะต้องคิดให้รอบคอบ และต้องตัดสินใจในแนวทางที่มั่นใจว่า แนวทางนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดมีพลังที่จะทำงานให้กับประเทศและประชาชนได้ 

 

 

 

เมื่อถามว่า ถ้าพูดแบบนี้เป็นการไม่ปิดทางไปรวมกับเพื่อไทยหรือไม่

 

นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่า ก็ถือว่าอธิบายแบบนี้ว่ามีวิธีคิดคิดแบบนี้ เพราะอย่างที่ตนบอกว่าเป็นนักการเมืองมามากกว่า 30 กว่าปี ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกัน ในการใช้ประสบการณ์ ใช้พลังทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาประเทศ และเมื่อถึงเวลาพวกเราก็คงตัดสินใจร่วมกันให้เป็นไปในแนวทางที่มีพลังทางการเมือง ที่ทำงานเพื่อประเทศชาติได้ ส่วนจะไปอยู่ในจุดไหนรอดูสถานการณ์ทางการเมืองก่อน

 

ตนไม่มีทายาททางการเมือง มีเพียง นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เท่านั้นที่ช่วยกันดูแลพรรค ยังไม่ได้อะไรขนาดนั้น

 

 

 

“อนุทิน” อวยพร “สุวัจ” ผู้ให้กำเนิดทางการเมือง อายุครบ 70 ปี 

 

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อวยพรกล่าวภายหลังเข้าอวยพรวันเกิดสุวัจน์ ลิปตพัลลภ วันนี้มาอวยพรเพื่อให้กำเนิดทางการเมือง ที่ให้โอกาสได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในสมัยของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2547 ดังนั้นทุกปีใน วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งปีนี้นายสุวัจน์ก้าวเข้าสู่อายุ 70 ปี 

 

พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการปรับ ครม. ซึ่งเรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรีคนเดียว เพราะเป็นสิทธิ์และอำนาจของนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็มองเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลหากมีการเสนอปรับ ครม. หลังมีกระแสข่าวว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษา พรรคกล้าทำ เสนอขอปรับ ครม. ซึ่งหากมีการเสนอขอปรับนายกรัฐมนตรีจะปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาลก่อน และหากมีการปรับจริงก็ต้องส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ดังนั้นในท้ายที่สุดก็จะต้องพิจารณาโดยนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าชื่อของร้อยเอกธรรมนัสจะมีปัญหาหรือไม่ บอกเพียงว่าเอาตัวเองให้รอดก่อน และพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะสนับสนุนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้ปฎิบัติภารกิจประสบความสำเร็จ

 

ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยยังไม่มีการปรับเปลี่ยน ขอรอให้นายกรัฐมนตรีแจ้งมาก่อน ซึ่งเมื่อวานนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันชัดเจนแล้ว ซึ่งตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  นายกรัฐมนตรีบอกว่ารัฐบาลนี้เพิ่งทำงานมาได้ 5 เดือนกว่าเท่านั้น ต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อเนื่องไม่อยากให้พูดถึงปรับ ครม. เพราะจะทำให้คนที่ถูกพูดถึงและถูกประเมินโดยสื่ออาจจะไม่สบายใจและทำงานลำบาก และอาจจะกระทบถึงการสั่งการต่อข้าราชการ

 

“ ผมคิดว่านายกฯ มีมุมมองที่ดีมาก ความเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านได้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมย์  โดยไม่ได้คุยเรื่องการปรับ ครม.กับนายกรัฐมนตรี และเพิ่งกลับมาจากภารกิจที่ประเทศจีน ”

 

พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ถูกเพ่งเล็งเรื่องเขากระโดง และการตัดไฟฟ้าเมียน รวมถึงที่ดินอัลไพน์ ว่า ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีมา ในปี 2562 ปีนี้เป็นปีที่6 ไม่ได้โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ปีเดียว ส่วนตัวพร้อมชี้แจง และบอกว่าเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่จะซักฟอกเพื่อให้รัฐบาลได้ชี้แจง หากรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ก็สามารถชี้แจงได้และที่ผ่านมาตนได้ชี้แจง และได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าจะสามารถตอบได้ และมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพรรคร่วมด้วยกัน

 

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงที่นายทักษิณกล่าวถึงการปรับ ครม. เพราะรัฐมนตรีบางคนทำงานเหมือนนางรำ นายอนุทินได้ส่ายหน้าและกล่าวว่าไปอยู่เมืองจีนมายังได้ยินเรื่องนี้ ก่อนจะย้ำว่าขอให้ฟังจากนายกรัฐมนตรี

 

 

 

 

 

 

“ประเสริฐ” ไม่ได้รู้สึกขวัญเสียกับกระแสการปรับครมทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายก

 

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เข้าพบ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา เพื่ออวยพรวันเกิด ครบรอบ 70ปี  

 

 

โดย นายประสริฐ กล่าวอวยพรว่า วันนี้มาอวยพรด้วยความรู้สึกที่เป็นน้อง แม้ว่าอายุจะเข้า70ปีแล้ว แต่ก็ยังดูหนุ่ม อีกทั้งเชื่อว่าความรู้ความสามารถ แนวคิดต่างๆ ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกหลายอย่าง ขอให้ท่านสุวัจน์ มีสุขภาพ พลานามัยที่แข็งแรงเป็นกำลังหลักให้รัฐบาล ในการนำประเทศไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ ส่วนเรื่องการปรับ ครม. นั้น ตนไม่ได้รู้สึกเสียขวัญอะไร ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวานท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้มีการพูดไปแล้ว ว่าจะไม่มีการปรับ ครม. ซึ่งตอนนี้นายกก็กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ปักกิ่งและฮาร์บิน ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจกับเขาที่เกิดขึ้น