สถานการณ์ในตะวันออกลางลดความตึงเครียดลงอีก จากสัญญาณที่หนึ่งมหาอำนาจของภูมิภาคอย่าง "อิหร่าน" ลุยเปิดการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ในปี 2025 หรือ พ.ศ.2568 และล่าสุดก็กำลังเตรียมจัดกิจกรรมฉลอง 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง "อิหร่าน" กับ "ไทย" ซึ่งเป็นความร่วมมือกันในระดับรัฐบาลอีกด้วย
31 มกราคม 2568 ที่ศูนย์วัฒนธรรมสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ย่านเอกมัย กทม. มีกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านสื่อและวัฒนธรรม
โดยมีสื่อมวลชนไทยแขนงต่างๆ ไปร่วมงาน รวมทั้ง “เนชั่นทีวี” ด้วย
โอกาสนี้ MR. Mehdi Zare Bieib ทูตวัฒนธรรมของอิหร่าน ได้แถลงถึงกิจกรรมที่ไทยกับอิหร่านจะทำร่วมกันในปี 2568 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากวาระที่ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ของไทย ได้พบหารือกับประธานาธิบดีอิหร่าน ที่นครโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2567 ระหว่างการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย หรือ ACD และได้ตกลงจัดงานฉลองความสัมพันธ์ 70 ปีร่วมกัน โดยจะมีกิจกรรมทุกเดือน ตลอดทั้งปี 2568
สำหรับกิจกรรมที่จะจัดนั้น จะเน้นด้านวัฒนธรรมและศิลปะ เพราะเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ เนื่องจากทั้งไทยและอิหร่านต่างมีอารยธรรมเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี สถาปัตยกรรม และวรรณกรรมอันโดดเด่น เป็นอัตลักษณ์ สามารถเป็นสะพานเชื่อมสองประเทศได้
โดยกิจกรรมที่สำคัญก็เช่น จัดเทศกาลภาพยนตร์ ซึ่งอิหร่านมีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่โด่งดังระดับโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอิหร่านที่พัฒนาอย่างมาก นอกจากนั้นจะมีการจัดแสดงศิลปะ นิทรรศการต่างๆ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ผ่านสถาบันการศึกษา ซึ่งจะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น และจัดทำสแตมป์ในวาระครบรอบ 70 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งจะมีกิจกรรมใหญ่ช่วงปลายปี โดยจะมีการพบปะกันระหว่างบุคคลสำคัญของสองประเทศด้วย
สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งสาขาที่จะช่วยสานสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศได้ โดยอิหร่านมีแหล่งอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกมากมาย จึงอยากให้คนไทยได้ไปเห็นและสัมผัส เพราะคนไทยกับคนอิหร่านมีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ “การเป็นเจ้าบ้านที่ดี”
ที่สำคัญตนอยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความปลอดภัยในอิหร่าน เพราะถือว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยและมั่นคงอย่างยิ่งประเทศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
“ผมขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากไทยไปอิหร่าน อยากให้คนไทยไปเห็นอิหร่านด้วยตาของตัวเอง ทั้งความปลอดภัย และน้ำใจของคนอิหร่าน เพราะคนอิหร่านสนใจประเทศไทย เห็นได้จากการเดินมาท่องเที่ยวในไทยนับแสนคนต่อปี ทำให้คนอิหร่านอยากต้อนรับคนไทย อยากให้คนไทยไปเยือนอิหร่านเหมือนที่คนอิหร่านมาเที่ยวประเทศไทยด้วยเช่นกัน” ทูตวัฒนธรรม ระบุตอนหนึ่ง
MR. Mehdi Zare Bieib บอกอีกว่า อิหร่านเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนใคร เป็นประเทศที่มี 4 ฤดูเหมือนยุโรป แต่ที่แปลกและแตกต่างคือ มีทั้งหิมะและทะเลทราย ซึ่งหาได้ยากที่จะมีประเทศใดเสมอเหมือน
ทูตวัฒนธรรมอิหร่าน บอกด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่อิหร่านต้องการสื่อสารต่อประชาคมโลก ก็คือ การให้บทบาทกับสตรี และการเพิ่มบทบาทของสตรีในทุกมิติ เห็นได้จากการเติบโตของอุตสาหกรรมละครเวที มีการจัดแสดงและเปิดการแสดงไปในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เช่น อินเดีย และมีผลงานร่วมกับอเมริกา อังกฤษ รวมทั้งอัฟกานิสถาน ซึ่งส่วนใหญ่นักแสดงละครเวทีเป็นผู้หญิง สะท้อนถึงความสำคัญที่อิหร่านมีต่อสตรี
นอกจากนั้นอิหร่านยังต้องการยกระดับความร่วมมือกับไทยในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี พลังงาน และอื่นๆ ด้วย เชื่อว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะแข็งแกร่งขึ้น
“เราหวังสื่อมวลชนไทยจะช่วยทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม ส่งเสริมการสื่อสารที่สร้างสรรค์และเป็นจริง” ทูตวัฒนธรรม กล่าว
ตอนท้ายของการแถลงข่าว มีการแสดงดนตรีจากเครื่องดนตรีโบราณ อายุนับพันปีของอิหร่าน มีการโชว์ละครเวที และเต้นรำเพลงเกี่ยวข้าว จากคณะแสดงชั้นนำของประเทศ บริษัท Simorgh Theater Group ซึ่งเพิ่งเปิดแสดงในประเทศไทยด้วย
ดูคลิป