นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ร่วมพูดคุยกับตัวแทนเด็ก และเยาวชนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และแต่ละภูมิภาค และพูดคุยผ่านระบบ Video conference รวมถึงพูดคุยกับนักเรียน Thailand Zero Dropout หรือนักเรียนนอกระบบการศึกษา ที่ได้รับการนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง และกลุ่มเยาวชนที่ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทจักรยานทรงตัวในรายการแข่ง RSR Runbike Championship in Songkhla โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับเยาวชนน้องถามพี่อิ๊งค์ตอบ
โดยนายกรัฐมนตรี ได้เปิดใจหลังเข้ามารับตำแหน่ง หลังเด็ก ๆ ถามว่าเหนื่อยหรือไม่ ว่า ตนเองเชื่อว่า ทุกอาชีพ ทุกตำแหน่งเหนื่อยคนละแบบ และเป็นนายกรัฐมนตรีก็เหนื่อย แต่ก็เหนื่อยปกติที่คนอื่นเหนื่อยกัน อาจจะมีวันหยุดน้อย เพราะหากหยุดก็อาจจะโดนว่าไม่ให้หยุด แต่ยืนยันว่า จริง ๆ แล้วไม่เหนื่อย เพราะมีกำลังใจที่ดีมาก และเวลาผลงานที่ออกไป เกิดประโยชน์ก็อิ่มใจ
ส่วนนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดยากหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกอายุมีความสามารถ การเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุด ก็สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย ซึ่งตนคิดว่า เนื้องานของการทำงานไม่ได้ต่างจากผู้ชาย และคิดว่า คนที่มีความตั้งใจ ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่ก็จะถูกบูลลี่ในเรื่องของความเป็นผู้หญิง ทั้งการแต่งกายชุดนั้น ชุดนี้ เป็นผู้ชายใส่เพียงชุดเดียว แต่สังคมก็เปิดกว้างขึ้น โลกเปิดกว้างขึ้น และต้องคุณค่าจากตัวเราก่อน เพื่อรับมือกับการถูกบูลลี่ และต้องรู้ว่า เป้าหมายการทำหน้าที่ ความตั้งใจ และมีสติให้มาก
ส่วนแรงบันดาลใจในการทำงานนั้น นายกรัฐมนตรี บอกว่า คุณพ่อของตนเคยเป็นนายกรัฐมนตรี มีนโยบายไว้ให้ประเทศชาติจนถึงทุกวันนี้คือ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้วเปลี่ยนฝั่ง แต่นโยบายนี้ยังอยู่ ตนรู้สึกว่า ไม่ต้องพูดถึงชื่อพ่อของตนเอง แต่ประชาชนก็ยังได้ประโยชน์จากนโยบายนี้อยู่ จนตนเองรู้สึกว่า อยากทำนโยบายที่ไม่ว่าตัวของตนจะไปอยู่ที่ใด แต่ประโยชน์ในนโยบายยังคงอยู่กับประชาชน พร้อมบอกถึงแรงบันดาลใจของตนเอง คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ จากที่เคยวุ่นวาย และทำเรื่องต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปได้ ทั้งน้ำท่วมและประชาชนรับการเยียวยา ถนนได้ถูกซ่อม ชีวิตได้ถูกดูแล ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญและสิ่งสำคัญคือ แรงบันดาลใจที่บ้านคือลูก เพราะลูกคือความหวัง คืออนาคต โตขึ้นมาอย่างสวยงาม คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ และอย่างน้อยในช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี และได้สร้างอะไรดี ๆ ให้กับประเทศนั่น ก็เป็นเหมือนการเตรียมพร้อมอนาคตส่วนหนึ่งให้กับลูกของตนเองด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนว่า ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และความตั้งใจของคณะรัฐมนตรี และของทุกคน พร้อมยังได้ถามเด็ก ๆ ว่า ตอนนี้เด็ก ๆ มีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งทำให้เด็ก ๆ อธิบายว่า เป็นปัญหาน้ำท่วมซึ่งนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เมื่อเกิดน้ำท่วมรัฐบาลจะต้องดูแลเป็นหลัก ซึ่งตนอยากให้มีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวหา พื้นที่ใดสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างใด ๆ หรือแก้ไขปัญหาด้วยเทคโนโลยี ก็จะพยายามมุ่งดำเนินการ แต่สิ่งใดที่ต้องรอการสร้าง ก็ขอให้รอสักหน่อย และตนเองเข้าใจว่า ประชาชน อยากให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซากอีก
นายกรัฐมนตรี ยังบอกว่า การเป็นเด็ก ได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดใส ไปทานข้าว ไปโรงเรียน ตั้งใจเรียน มีเพื่อน และไม่ยุ่งกับยาเสพติด ก็ถือเป็นการทำเพื่อประเทศแล้ว เพราะการหาความรู้ไว้ ก็จะเป็นคนที่มีคุณภาพขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็จะสามารถช่วยประเทศได้ในด้านต่าง ๆ ได้
ส่วนที่เด็ก ๆ ถามเรียนวิชานี้ทำไม ถึงเรียนได้ใช้นั้น นายกรัฐมนตรี ก็อธิบายว่า เพราะจะทำให้มีประสบการณ์ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถหาความรู้ได้ทุกโอกาส เพราะฉะนั้นจึงขอให้เด็ก ๆ ตั้งใจเรียนใช้วัยเด็กอย่างเต็มที่ ตั้งใจเรียน เล่นกับเพื่อนให้เต็มที่ เพราะเพื่อนที่เราเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ คือเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง และพยายามเปิดใจให้กว้าง มีน้ำใจกับเพื่อน ๆ รอบข้าง ปรับตัวและสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้จากทุกคน เพราะความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครเอาไปจากเราได้
นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามถึงความเห็นในครอบครัวที่ไม่ตรงกันว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลาย ๆ บ้าน เพราะความต้องการของผู้ปกครอง และเด็กไม่ตรงกัน จึงขอให้มีการพูดคุยกัน ผู้ปกครองควรรับฟังเด็ก ๆ ก่อนว่าคิดอย่างไรจึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน และเด็ก ๆ ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของพ่อแม่ด้วย เพราะผู้ใหญ่มีประสบการณ์มาก่อน บางครั้งจะมองโลกในมุมที่กว้าง ฉะนั้น จึงจะต้องกล้าที่จะพูดคุยกัน อย่าคิดว่าพ่อแม่ไม่รับฟัง และการพูดคุยกันในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมมั่นใจว่า พ่อกับแม่รักและหวังดีกับลูกเสมอ เพราะฉะนั้นการพูดคุยจะทำให้การแก้ไขปัญหาได้