นายมงคล สุรัจสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมวุฒิสภา ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ประจำปี 2567 โดยมีวาระสำคัญ ในการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรม ทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ กรรมการ คตง. จำนวน 6 คน ได้แก่ นางเกล็ดนที มโนสันติ์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน, นางพรพิมล นิลทจันทร์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ, นางสาวพศุตม์ณิชา จำปาเทศ อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน, นายยุทธพงษ์ อภิรัตนรังสี อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ , นายนิวัติไชย เกษมมงคล อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ เลขาธิการ ป.ป.ช. และนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เพื่อทดแทนกรรมการ คตง.เดิม จำนวน 6 คน ที่พ้นจากตำแหน่งเพราะครบวาระ และมีอายุครบ 70 ปี โดยคณะกรรมาธิการฯ จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ก่อนส่งให้วุฒิสภา พิจารณาลงมติอีกครั้ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภา จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอนต่อไป
เกล็ดนที มโนสันติ์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
พรพิมล นิลทจันทร์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
พศุตม์ณิชา จำปาเทศ อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ยุทธพงษ์ อภิรัตนรังสี อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
นิวัติไชย เกษมมงคล อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (เลขาธิการ ป.ป.ช.)
เฉลิมพล เพ็ญสูตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ภายหลังคณะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา มีมติยืนตามการปรับแก้ของวุฒิสภาในเกณฑ์การออกเสียงประชามติที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ จะต้องใช้เกณฑ์ประชามติ 2 ชั้น หรือ Double Majority นั้น นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ระบุว่า จะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.)
ขณะเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา ในวันนี้ (16 ธ.ค.) ประธานวุฒิสภา ยังแจ้งต่อที่ประชุม ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กรณีที่นายสมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา (กลุ่มที่ 19 ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรืออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน) ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกา ลงวันที่ 23 กันยายน 2567 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนายสมชาย เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาของ นายสมชายสิ้นสุดลง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย และขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้ นายสมชาย หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ส่งผลให้เหลือจำนวนวุฒิสภา ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 199 คน จากทั้งหมด 200 คน
สมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ศาลฎีกามีคำพิพากษาตามที่ กกต.ยื่นร้องขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายสมชาย เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 นายสมชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน กกต.จึงเห็นว่า นายสมชาย เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง สว. จึงได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้นายสมชาย สว.กลุ่ม 19 พ้นจากตำแหน่งวุฒิสภา ส่งผลให้ประธานวุฒิสภา จะต้องออกประกาศประวุฒิสภา ให้บุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อวุฒิสภา กลุ่มที่ 19 ลำดับที่ 1 ในบัญชีสำรอง ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน ได้แก่ นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี
สำหรับประวัตินายณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี อายุ 56 ปี มีภูมิลำเนาในจังหวัดมหาสารคาม อาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศบ.) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มหาสารคาม) และจบการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รปม.) มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ตามการแนะนำตัวยังแจ้งประวัติการทำงานว่า เป็นนักธุรกิจแอมเวย์ ระดับมรกตสองผู้สถาปนา ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว มีประสบการณ์กว่า 30 ปี เคยศึกษาดูงานต่างประเทศกว่า 10 ประเทศทั่วโลก และเคยเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ช่วยและปฏิบัติงานของสมาชิกรัฐสภารุ่น 8 จากสถาบันพระปกเกล้า