นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือร่วมกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย จำนวน 8 แห่ง ระหว่างการเดินทางเยือนนครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย อาทิ Linfox กลุ่มบริษัท Logistic ขนาดใหญ่, Callington Group กลุ่มบริษัทผลิตภัณฑ์เคมี การบินและอวกาศ และอุปกรณ์การแพทย์, NextDC Data Center พร้อมด้วยหน่วยงานออสเตรเลียที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุน อาทิ Export Finance Australia : EFA เพื่อขยายธุรกิจการลงทุนในประเทศไทย เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะนักธุรกิจดังกล่าว ลงทุนในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสินค้า โดยใช้เทคโนโลยีของออสเตรเลีย ที่สามารถเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้มากขึ้น พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องการมุ่งเน้นให้เกิดความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงทั้ง 3 ด้าน คือ ความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน และความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่ได้พูดคุยกับนางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ในการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศทุก ๆ 2 ปี ระหว่างประเทศไทยกับออสเตรเลีย หรือ Thailand – Australian Biennial Foreign Ministers’ Meeting พร้อมยังให้ความสำคัญในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ยังได้พูดถึงศักยภาพของประเทศไทย ในกระบวนการด้านการขนส่ง หรือ Logistic ด้วยยุทธศาสตร์ที่ตั้งของประเทศไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอาเซียน และอาเซียนพลัส ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการที่ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญอยู่ในกรอบความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ BIMSTEC ที่มีผู้บริโภคกว่า 4,000 ล้านคน จึงถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือเป็นผู้ขายสินค้าที่ทั้ง 2 ประเทศร่วมกันผลิต รวมถึงขยายตลาดต่อไป พร้อมย้ำว่า ในฐานะของรัฐบาล พร้อมสนับสนุนนักธุรกิจทั้งสองประเทศ เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจ ภาคการผลิต ตั้งแต่การศึกษาวิจัยร่วมกัน รวมถึงนำสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศด้วย ซึ่งการหารือในครั้งนี้ มุ่งเน้นให้เกิดห่วงโซ่คุณค่า หรือ Value Chain ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี สู่ภาคการผลิต และมุ่งสู่เครือข่ายตลาดในภูมิภาค ทั้ง BIMSTEC อาเซียน และอาเซียนพลัส ซึ่งรัฐบาลพยายาม ผลักดันให้ทุกภาคส่วน เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เชิญชวนภาคเอกชนออสเตรเลีย เพิ่มพูนความร่วมมือในรูปแบบกิจการร่วมค้า และขยายการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และภาคเอกชนออสเตรเลีย ยังได้ชื่นชมประเทศไทยว่า มีนโยบายที่ชัดเจน ถูกต้อง และเห็นความเป็นผู้นำของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS ที่เป็นความร่วมมือกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ทั้งประเทศจีน และบราซิล เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพประเทศกำลังพัฒนา รวมถึง OECD ซึ่งจะเป็นโอกาสของประเทศไทยจากประโยชน์ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการเดินทางเยือนนครแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลียครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และทีมประเทศไทย ประจำออสเตรเลีย โดยได้เน้นย้ำบทบาท และความร่วมมือของประเทศไทย ที่จะต้องขับเคลื่อนความร่วมมือในรูปแบบใหม่ ร่วมผลักดันเศรษฐกิจในเชิงรุก เพื่อให้เกิดห่วงโซ่คุณค่า หรือ Value Chain ที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงาน ประสานร่วมงานร่วมกับภาคเอกชนให้ดียิ่งขึ้น และเกิดผลเป็นรูปธรรม ตามที่ได้พูดคุยกับนางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียไว้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และทีมประเทศไทย ประจำออสเตรเลีย ตกผลึกร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นำมาซึ่งความยั่งยืนของความร่วมมือ ของภาคธุรกิจและภาคประชาชนต่อไป
ภายหลังการประชุมร่วมกับทีมประเทศไทยเสร็จสิ้จ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เดินทางไปที่ Thai Town โดยมีผู้ประกอบการและนักธุรกิจชาวไทยให้การต้อนรับ และมอบของที่ระลึก ก่อนจะถ่ายภาพบริเวณป้าย Thai Town และรับประทานอาหารไทยร่วมกัน