นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณี นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประกาศถอนร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม จนทำให้พรรคเพื่อไทยถูกกระแสตีกลับ ว่ายอมมากเกินไป ว่า จริงๆกระบวนการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร สส. เข้าชื่อกันก็สามารถเสนอได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการของพรรคเช่นกัน ซึ่งเข้าใจว่านายประยุทธ์ ได้มีการกลับไปทบทวน และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ การเสนอร่างกฎหมายจะต้องไปชี้แจงในที่ประชุมพรรคให้รับทราบ ถึงความสำคัญของกฎหมายแต่ละฉบับ มีสาระสำคัญอย่างไร แต่รอบนี้อยู่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภาฯ จึงไม่มีการประชุมพรรค และตามปกติการเสนอร่างกฎหมายจะต้องผ่านวิปรัฐบาล เป็นคนกลั่นกรองและนำเสนอตามกระบวนการขั้นตอน
เมื่อถามว่า มองว่าจะมีการทำรัฐประหารจริงหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่ามี
เมื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่โดนเป็นครั้งที่ 3 ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า มั่นใจว่าถ้าวันนี้ทุกฝ่ายเข้าใจ ว่าสังคมโลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว เรื่องการปฏิวัติรัฐประหารไม่ควรเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม
ส่วนการออกกฎหมายดังกล่าว จะสามารถสกัดรัฐประหารได้จริงหรือไม่ ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาจริงๆ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ วันนี้ประเทศบอบช้ำมามากจากหลายๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก ก็อยากให้ทุกฝ่ายตระหนักและใช้สติในการทำเรื่องต่างๆ
ส่วนร่างของกระทรวงกลาโหม ที่ นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม เป็นผู้เสนอ ที่คงอำนาจให้นายกรัฐมนตรีสั่งพักราชการคนที่ทำรัฐประหาร มองว่าควรจะมีไว้เพื่อเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการยับยั้งไว้ก่อนหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จริงๆ กฎหมายที่จะเสนอเข้าสภาฯ นอกจากจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ แล้วยังต้องผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นจากประชาชนด้วย เพราะฉะนั้นขั้นตอนต่างๆ ตนไม่อยากลงลึก แต่ทั้งนี้เป็นเรื่องของสภาฯที่ต้องพิจารณา แต่ก่อนจะถึงสภาฯ ต้องมีกระบวนการที่จะทำให้กฎหมายนั้นมีความชอบธรรม และมีความสมบูรณ์
“ภูมิธรรม” ยังไม่ตัดสินใจคงอำนาจนายกฯ สกัดรัฐประหารหรือไม่
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม บอกว่า ร่างที่นายประยุทธ์ ถอนไป เป็นร่างส่วนตัว ในฐานะที่เป็น สส.เพื่อไทย ซึ่งนายประยุทธ์ ได้ฟังความเห็นจากส่วนต่างๆ มากแล้ว ก็จะถอนไปเพื่อปรับเปลี่ยนแก้ไข ก็รอดูว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่ได้เข้าที่ประชุมพรรค ทั้งที่ประชุม สส. และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องดีเ พราะนายประยุทธ์ได้ฟังเสียงสะท้อน ที่มีทั้งคัดค้านและสนับสนุน ก็กลับไปปรับให้เกิดความเหมาะสม ขณะที่ส่วนตัวไม่ขอแสดงความเห็นว่าควรตัดหรือเพิ่มเติมเรื่องใด ให้เป็นหน้าที่ของนายประยุทธ์ จะดีกว่า และเท่าที่ฟังมาบางเรื่องก็มีการคัดค้าน บางเรื่องก็สนับสนุน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องแบบนี้ทำเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหา จึงให้แต่ละฝ่ายช่วยกันดูและพิจารณา รวมถึงตอบสนองความต้องการประชาชนมากที่สุด โดยไม่กระทบกระเทือนการทำงานในการแก้ปัญหา
เมื่อถามว่า ได้เห็นร่างของกระทรวงกลาโหม ที่คงอำนาจให้นายกฯ สั่งพักราชการทหารที่คิดทำรัฐประหาร เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีกลาโหมตัดสินใจว่าจะคงอำนาจนี้ไว้หรือตัดทิ้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนได้เห็นร่างแล้ว เป็นฉบับที่นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม เสนอไว้ โดยวานนี้ตนได้ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ที่ประกอบด้วยหลายส่วน เช่น กฤษฎีกา สภาพัฒน์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม ซึ่งตนนั่งเป็นประธาน ก็มีการหารือกันหลายประเด็นและมีความเห็นของหลายส่วน ที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม รวมถึงเพิ่มเติม โดยทาง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมได้รับเรื่องทั้งหมดไว้ทบทวน ซึ่งตนได้ย้ำว่าหากจะทบทวนก็ให้ส่งกลับเข้ามาเร็วที่สุด จะได้ประกบร่างของฝ่ายค้านที่ยื่นเอาไว้แล้ว จากนี้ก็รอให้ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสมและกระบวนการ
นายภูมิธรรม ปฏิเสธที่จะตอบข้อท้วงติง หรือข้อเสนอในที่ประชุม ที่ให้กระทรวงกลาโหมกลับไปแก้ไข โดยย้ำว่าให้กระทรวงกลาโหมกลับไปพิจารณาก่อนสิ่งที่เสนอมามีเรื่องไหนที่เห็นตรงกันส่วนที่เห็นต่าง ก็ยังอยู่ในคณะกรรมการกลั่นกรองที่สามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่า ในส่วนตัวจะให้คงอำนาจนายกฯ ในการสั่งพรรค เพื่อสกัดรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอกลับไปดูข้อสังเกตของทุกฝ่าย เพื่อหาสิ่งที่ที่ดีที่สุดดีกว่า
เมื่อถามว่า ปัจจุบันการป้องกันการรัฐประหารกฎหมายเพียงพอหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กฎหมายการป้องกันรัฐประหารมีอยู่แล้ว ซึ่งรุนแรงมากกว่าร่าง พ.ร.บ.ของกระทรวงกลาโหม เสียอีก รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด ได้ระบุไว้แล้วว่าการทำรัฐประหารเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ก็เป็นกบฏ แต่ในความเป็นจริงควรเป็นเรื่องให้ทุกฝ่ายเห็นว่าอะไรคือหนทางในการระงับยับยั้งการทำรัฐประหาร เช่น การสร้างวัฒนธรรมการยอมรับประชาธิปไตยให้พัฒนาต่อเนื่องเหมือนกับต่างประเทศ ซึ่งตนมองว่าประชาธิปไตยไทยพัฒนามาพอสมควร แต่ต้องให้เวลา ต้องมีกระบวนการที่พัฒนาต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น อยากเรียกร้องให้ทุกส่วนใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีข้อขัดข้อง แต่เชื่อว่าแต่เชื่อว่าบรรยากาศที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ทุกฝ่ายพูดคุยกันได้หมด ก็ไม่มีปัญหาใด รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว หรือมีความขัดแย้งจนเป็นเรื่องเป็นราว ปัญหายังไม่เกิดเพียงแต่มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ที่ค้างคาและเป็นเรื่องที่ค้างคาในสังคมมานานแล้ว ก็ให้เขาไปดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสมดีกว่า
เมื่อถามว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ยกโมเดลเกาหลีใต้ ให้เพิ่มบทลงโทษลงไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอไม่ก้าวล่วงความเห็นของประธานสภาผู้แทน ซึ่งปัจจุบันมีความเห็นมากมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เราก็รู้ดีว่าปัญหานี้ดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องไปดูสาเหตุด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เสนออย่างหนึ่งขึ้นมาแล้วจะแก้ปัญหาได้หมดสิ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกัน เรื่องไหนไม่เหมาะสม ผิดหลักการ ก็ต้องแก้ไข รอให้มีพัฒนาการจนมีความเห็นที่สอดคล้องกัน