เกาหลีตกใจ "ยุบพรรค" เรื่องปกติ การเมืองไทย (มีคลิป)

 

7 พฤศจิกายน 2567 ประธานรัฐสภา และประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา อยู่ระหว่างเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลี

 

 

โดยได้พาคณะเข้าเยี่ยมชมอาคารรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี พร้อมพบปะพูดคุยกับ นายลี ฮักยัง รองประธานรัฐสภา ตลอดจน สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลอีกหลายคน

 

 

โดยฝ่ายรัฐสภาเกาหลีได้เตรียมการต้อนรับคณะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติของไทยอย่างสมเกียรติ มีการชักธงไตรรงค์ ซึ่งก็คือ "ธงชาติไทย" ขึ้นสู่ยอดเสาเคียงข้างธงชาติเกาหลีด้วย

 

ระหว่างการพูดคุยหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเรียนรู้การพัฒนาระบบงานสภาของเกาหลี ช่วงหนึ่งมีการแนะนำตัวของ สส.ฝั่งรัฐบาลแดนกิมจิว่าสังกัด "พรรคพลังประชาชน" ส่วนฝ่ายค้าน สังกัด "พรรคประชาธิปไตย" หรือ "เดโมแครต"

 

 

ทำให้ประธานฯวันนอร์ พูดกลางวงประชุมแบบทีเล่นทีจริงเรียกว่า

"ได้ยินชื่อพรรคการเมืองต้นสังกัดของ สส.พรรครัฐบาลเกาหลีแล้ว รู้สึกสะดุ้ง เพราะผมเองก็เคยสังกัดพรรคชื่อเดียวกันนี้ในประเทศไทยเหมือนกัน แต่พรรคพลังประชาชนที่ประเทศไทยถูกยุบไปแล้ว ไม่เหมือนพรรคพลังประชาชนในเกาหลีที่ยังอยู่ และได้เป็นรัฐบาล"

ปรากฏว่าเรื่องเล่าของประธานฯวันนอร์ เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุม ทั้งจากตัวแทนฝ่ายไทยและฝ่ายเกาหลี 

ประธานฯวันนอร์​ ยังเปรยต่ออีกว่า พรรคการเมืองไทยถูกยุบบ่อยครั้ง เป็นการยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นปัญหาหนึ่งของระบบการเมืองไทย ซึ่งนอกจากพรรคพลังประชาชนแล้ว พรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน คือพรรคก้าวไกล ก็เพิ่งถูกยุบไปไม่นาน โดยเป็นพรรคของ "สส.กาย" ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. ที่วันนี้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ซึ่งร่วมคณะมาดูงานที่เกาหลีในทริปเดียวกันนี้ด้วย 

 

 

โดย สส.กาย ก็ได้แสดงตัวกลางวงหารือว่า พรรคของตนเพิ่งถูกยุบตามที่ประธานฯวันนอร์บอกจริงๆ 

 

เมื่อฝั่งนักการเมืองเกาหลีได้ฟังแบบนั้น ก็พากันแสดงความประหลาดใจ และซักถามกันอย่างกว้างขวางว่า เหตุใดจึงมีการยุบพรรคการเมืองได้บ่อยๆ ในประเทศไทย กระบวนการยุบพรรคเป็นแบบใด และใครมีอำนาจสั่งยุบ 

 

ทำให้ผู้แทนฝ่ายไทยอธิบายว่า กฎหมายไทยเปิดช่องให้สามารถยุบพรรคการเมืองได้ จากหลากหลายเหตุผล ส่วนใหญ่เป็นการตั้งเรื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้สั่งยุบพรรค

 

คำชี้แจงดังกล่าวยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับนักการเมืองเกาหลี และแสดงความเห็นว่าน่าจะเป็น เพราะวัฒนธรรมการเมืองของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เนื่องจากในเกาหลีไม่ค่อยมีเหตุการณ์ยุบพรรคการเมือง และแต่ละพรรคก็มีอายุยืนยาวมาก แต่มีการเปลี่ยนชื่อพรรคบ้าง บางพรรคก็เปลี่ยนชื่อบ่อยๆ 

 

ส่วนพรรคการเมืองที่เคยถูกสั่งยุบของเกาหลี คือพรรคที่มีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ และถูกยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ

 

จากนั้น ประธานฯวันนอร์ จึงกล่าวสรุปว่า การยุบพรรคในประเทศไทย ทำให้เกิดปัญหา และมีความเห็นที่แตกต่างกัน ว่าสมควรยุบพรรคการเมืองได้ง่ายๆ แบบที่เป็นอยู่หรือไม่ ขณะนี้จึงกำลังมีการศึกษากฎหมายเพื่อหาทางออกของปัญหานี้ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตัดสินใจเดินทางมาศึกษาดูงานที่เกาหลี ซึ่งจะมีการพบปะกับสถาบันวิจัยกฎหมายด้วย คาดว่าจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำแนวคิดและองค์ความรู้ไปจัดการปัญหาในประเทศไทยต่อไป

 

สุดท้าย รองประธานรัฐสภาเกาหลี ได้กล่าวคลี่คลายบรรยากาศเรื่องยุบพรรค โดยบอกว่า อาชีพ สส.เป็นอาชีพที่ลำบากที่สุดในเกาหลี เพราะถูกจับจ้องจากประชาชนอย่างมาก การประชุมสภามีการถ่ายทอดสดทุกนัดตลอดเวลา การจะพูดหรืออภิปรายอะไรจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก สส.หลายคนกลายเป็น "สตาร์" หรือ "ดาวเด่น" แต่ไม่ใช่ในทางดี ทว่าเป็น "ดาวเด่นในทางชื่อเสีย" มากกว่า 

 

คำกล่าวของรองประธานรัฐสภาเกาหลี ก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องประชุมด้วยเช่นกัน 

 

ดูคลิป