5 พฤศจิกายน 2567 "นายพิชัย นริพทะพันธ์" รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับ "บริษัทไทยในจีน" และคณะภาคเอกชนจากไทย(คณะหอการค้าไทยในจีน) ณ สถานกงสุลใหญ่ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคการค้าให้กับผู้ประกอบการ ในช่วงระหว่างเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมงาน "China International Import Expo - CIIE ครั้งที่ 7" ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติประจำปีของจีน ว่า งาน CIIE ครั้งนี้ประเทศไทยนำผู้ประกอบการ 80 รายเข้าร่วม โดยมาจากกระทรวงพาณิชย์ 20 ราย ซึ่งทางประเทศจีนได้จัดงานนี้มาตั้งแต่ปี 2019 พร้อมรับการนำเข้าจากประเทศต่างๆ ส่งของมาขายที่จีน โดยประเทศไทยก็หวังว่าจะขายของให้จีนได้มากขึ้น ซึ่งสินค้าของไทยหลายอย่างประเทศจีนค่อนข้างชอบ จึงหวังว่าจะขายสินค้าให้กับประเทศจีนได้มากขึ้น
โดยสินค้าหลักๆที่นำมาร่วมงานจะเป็นพวกสินค้าอาหาร จิวเวลรี่ แฟชั่น ฟิล์ม และซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเราคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนค่อนข้างดีมาก และ ความรู้สึกของจีนกับเราเหมือนเป็นพี่น้องกัน อะไรที่ทางจีนช่วยเหลือได้ทางจีนยินดีทำให้ทันที
"เมื่อวานได้มีโอกาสเจอนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย และนายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ท่านบอกว่าปีหน้าไทย-จีน จะครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี อยากให้มีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยจีนเศรษฐกิจขยายตัวเรื่อยๆ อีกไม่นานคงมีเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่งของโลกขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ไทยเองเราก็ต้องมีนโยบายที่ดีในการร่วมมือกับจีน
ประเทศไทยโชคดีที่ประเทศจีนก็รักเรา สหรัฐอเมริกาก็รักเรา รัสเซียก็รักเรา อินเดียก็รักเราประเทศใหญ่ๆในโลกรักเราหมด เราจะเป็นตัวกลางในการทำให้การค้าการลงทุนเข้ามา กระทรวงพาณิชย์ได้รับการติดต่อจากประเทศต่างๆที่จะเข้ามาลงทุนและทำการค้ากับไทยเยอะมาก เราเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยดีมาก"
"นายพิชัย" ยังเปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อมาโดยตลอด จะมีนักลงทุนแห่กันเข้า อย่างนักลงทุนนักธุรกิจรายใหญ่จากอเมริกาแห่เข้ามาพบที่กระทรวงพาณิชย์ และเราเตรียมให้การต้อนรับ ให้มีการลงทุนมากขึ้น และสำหรับจีนก็จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ต้องส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในต่างประเทศให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนามากยิ่งขึ้น เราอยากเห็น 80% ของงานกระทรวงพาณิชย์ คือ การส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนมากๆ ส่วน 20% แค่คุมสิ่งที่จำเป็นไม่ให้มีปัญหาเท่านั้น
ส่วนการพูดคุยกับผู้ประกอบการ วันนี้ปัญหาหลักๆ ที่ได้รับการสะท้อนมา คือ เรื่องค่าเงิน เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินค่าเงินที่แข็งเกินไป
"ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่ผมไปด่าแบงค์ชาติเอง แตืเป็นสิ่งที่นักลงทุนผู้ประกอบการบ่นมาตลอด ว่า อยู่เมืองไทยก็มีหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯบ่น มาเมืองนอกก็มีบ่นว่าค่าเงินบาท อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย เราต้องปรับอย่างไรให้สามารถแข่งขันได้ วันนี้มาจีนแลกเงินเป็นเงินหยวน 4 บาทกว่า สมัยก่อน 5 บาทกว่า ถ้าค่าเงินไทยขนาดนี้สินค้าจีนกับไทยที่คล้ายกัน เราจะแข่งขันกับจีนได้อย่างไร อยากจะฝากให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิด จะหาว่าผมด่าแบงค์ชาติผมไม่ได้ด่า สะท้อนจากผู้ประกอบการซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง"
ขอผู้ประกอบการไทยสบายใจ สินค้า TEMU ทะลัก
พร้อมกันนี้ "นายพิชัย นริพทะพันธุ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง ปัญหาสินค้า "TEMU" ที่ทะลักเข้าไทย ว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 ต.ค) ได้ประชุมร่วมกับ 16 หน่วยงาน ซึ่งมีหน่วยงานหลักๆที่จะดำเนินการในเรื่องนี้คือกรมศุลกากร อย. สภาอุตสาหกรรมเพื่อ สคบ.ควบคุมเรื่องคุณภาพสินค้า ไม่ให้มีสินค้าอะไรเข้ามามากนัก จึงขอให้ผู้ประกอบการไทยสบายใจได้ ต้องมีการได้ตั้งคณะ กรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อช่วยเหลือ sme และปัญหาเรื่อง นอมินี ว่ามีการถือหุ้นและจดทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ทำงานอย่างแข่งขันและรวดเร็ว
ส่วนการเข้ามาตั้งบริษัท"TEMU" ในไทย ได้รับแจ้ง ว่าจะเข้ามาตั้งแน่นอน คาดว่าจะเป็นภายใน 1-2 เดือนนี้ส่วนเรื่องการขาดดุลนั้น ได้มีการวิเคราะห์เรื่องนี้แล้ว เนื่องจากสินค้าจีนที่นำเข้าจำนวนมากเป็นสินค้าทุน
"เราเองต้องเข้าใจก่อนว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่ลงทุนกับไทยอันดับหนึ่ง การที่ต้องนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าระดับกลางมาผลิตมีเยอะ ตัวเลขเลย สูงทางจีนก็แจ้งว่าที่ขายขาดทุนจีนเยอะไม่ใช่เพราะซื้อสินค้าอย่างเดียว แต่เป็นสินค้าทุนการลงทุนด้วยทำให้รู้สึกว่าเยอะถ้าขาดทุนเรื่องสินค้าทุนไม่ค่อยน่าห่วงเพราะเราจะไปผลิตและขายต่อด้วยการส่งเสริมการส่งออกมากยิ่งขึ้นประเทศเราไม่มีการลงทุนมานานแล้วการที่เรามีการลงทุนเข้ามาเยอะๆก็เป็นเรื่องที่ดี"
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ทางรัฐบาลจีน ไม่ได้หวังกำไรจากไทย แต่หวังให้ไทยมีความรู้สึกที่ดีกับไทย หากมีการขอร้องดีๆ ทางจีนก็ยินดีที่จะยอมทำตามแนวทางของไทยทุกอย่าง
ชมคลิป >>> "พิชัย" เผยผลการหารือกับ "บริษัทไทยในจีน" และคณะภาคเอกชนจากไทย(คณะหอการค้าไทยในจีน)