4 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานอธิการบดี ม.รามคำแหง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง แถลงข่าวปมการสอบของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช พร้อมเปิดหลักฐานเด็ด และกรณี นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวปรากฎในสื่อมวลชน เกี่ยวกับมหาวิทยารามคำเเหง กรณีที่มีนักศึกษารารายหนึ่งถูกกล่าวหาว่า ได้ส่งบุคคลอื่นเข้าสอบแทน และกรณีที่อดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัย 2 ราย เข้าเเจ้งความที่กองปราบฯ กล่าวหาข้าพเจ้า นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ประธานกรรมการกิจการมหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้กระทำการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้น
เพื่อปกป้องชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ในนามมหาวิทยาลัยรามคำแหงขอชี้แจงดังต่อไปนี้
1.จากเอกสารที่ปรากฏ การยุติการดำเนินการทางวินัยกับนักศึกษารายดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ในสมัยที่ นายสืบพงพ์ ปราบใหญ่ ดำรงตำแหน่งอธิการบดี โดยนายสืบพงษ์ ทั้งในฐานะอธิการบดี และในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารงานมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.ร.) ได้เสนอรายงานผลการสอบวินัยนักศึกษาต่อ ก.บ.ม.ร. และมีมติให้ "ยุติเรื่อง" ในการประชุมครั้งที่ 14/2565 วาระที่ 5.53 เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565
2.หากการยุติดังกล่าวเป็นการยุติโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศของมหาวิทยาลัย หรือถูกต้องตามกระบวนการในการดำเนินการทางวินัยนักศึกษา การแถลงข่าวของข้าพเจ้าก่อนหน้านี้ กระทำในนามมหาวิทยาลัย และเป็นการแถลงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ผู้ใด และการที่สื่อมวลชนติดตามสอบถามเรื่องดังกล่าว ก็เป็นสิทธิที่สาธารณชนพึงได้รับทราบ ตามทำนองคลองธรรมอันเป็นเรื่องปกติทั่วไป
3.เมื่อสังคมเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงยุติเรื่องทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญที่อาจกระทบต่อชื่อเสียงมหาวิทยาสัย ดังนั้น การที่มหาวิทยาลัยจะดำเนินตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องปกติวิสัยในการบริหารงานมหาวิทยาลัย และการดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง มิได้หมายความว่า มหาวิทยาลัยได้ข้อสรุปแล้วว่า การยุติเรื่องเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากแต่เมื่อตรวจสอบแล้วยืนยันในสิ่งที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ย่อมเป็นการทำให้สังคมได้ตระหนักว่า มหาวิทยาลัยรามคำเเหงได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ยกเว้น ในกรณีที่การยุติเรื่องเป็นการยุติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มหาวิทยาลัยก็ย่อมจักต้องพิจารณาต่อไป ส่วนจะกระทบสิทธิของนักศึกษาหรือไม่ เป็นประเด็นทางกฎหมายที่แยกต่างหากออกไป โดยมหาวิทยาลัยจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
4.การที่ได้มีผู้ไปแจ้งความกล่าวโทษข้าพเจ้า ด้วยข้อหาทางอาญาที่ร้ายแรง ข้าพเข้าได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของมหาวิทยาลัย ไปดำเนินคดีกับ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ในข้อหาแจ้งความเท็จ หรือแจ้งข้อความอันเป็นเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และข้อหาแจ้งความเท็จหรือแจ้งความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เพื่อกลั่นแกล้งให้ข้าพเจ้าได้รับโทษโดยรู้อยู่แล้วว่า มิได้มีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137,176, 173และมาตรา 174 และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ใดก็ตาม ที่นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่ข้าพเจ้าต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ กล่าวตอบคำถามสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนตนเป็นรักษาการณ์อธิการบดีฯ ตอนปี 2564 โดยก่อนที่จะพ้นวาระ ตนได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยมีการเชิญทุกฝ่ายมาสอบถาม ทั้งพยานบุคคลเเละเอกสาร มีบัญชีเซ็นชื่อนักศึกษาเเละมีการสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ให้เสนอเรื่องต่อที่ประชุม ก.บ.ม.ร. ว่า การกระทำดังกล่าวมีมูลความผิด ซึ่งพอมีอธิการบดีคนใหม่ ก็มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยนักศึกษา โดยอธิการบดีขณะนั้นเป็นคนลงนามเเต่งตั้ง เเละกรรมการก็ดำเนินการสอบสวนส่งเรื่องเข้าที่ประชุม ก.บ.ม.ร.ทั้งหมด 3 ครั้ง และครั้งสุดท้ายเสนอยุติเรื่อง
ที่จะต้องตรวจสอบ เพราะสังคมสงสัย ตนเองก็สงสับเหมือนกัน ถึงเหตุผลในการยุติเรื่อง เพราะตอนที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีมูลในตอนเเรกชี้ชัด และบุคลาการที่มีหน้าที่ควบคุมบัญชีรายชื่อ ก็ถูกลงโทษทางวินัย อีกทั้งหลังทราบเรื่องก็ได้เห็นเอกสารบางอย่าง แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องดูว่า เหตุผลในการยุติเรื่องจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
หลังจากนี้ตนจะทำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยว่า มติที่สั่งให้ยุติเรื่องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผลคงไม่ได้เสร็จในการประชุมครั้งเดียว หลังเรื่องนี้เป็นข่าว มีคนส่งหลักฐานมาให้ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานเอกสาร หรือคลิปวิดีโอ ซึ่งในสำนวนเดิมไม่มีเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตหากมีการเปลี่ยนผู้บริหารอีก จะมีการตั้งกรรมการสอบเรื่องเดิมอีกหรือไม่ ต้องใช้เกณฑ์อะไร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงก็ไม่ควร แต่อะไรผิดก็ต้องว่าไปตามผิด อะไรถูกก็ต้องว่าตามถูก เพราะตามหลักการมหาวิทยาลัยรามคำแหงของเรา มีความเข้มงวดกวดขันและความซื่อสัตย์ทางวิชาการมาก เราไม่อยากจะเห็นความไม่ซื่อสัตย์ทางงานวิชาการมาถึงนักศึกษา โดยเรื่องนี้ถ้าหากสอบสวนแล้วพบว่า การสั่งยุติเรื่องกระทำโดยมิชอบ ก็จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมมหาวิทยาลัยพิจารณาต่อไป
นี่ไม่ใช่เรื่องการเช็คบิลทางการเมืองภายในมหาวิทยาลัย ความจริงกรณีที่มีการดำเนินคดีกัน ตนรักเขาจะตาย คนในมหาวิทยาลัยก็ทราบกันว่า สามคนที่มีการดำเนินคดีกับตนที่กองปราบ ตนรักและดูแล ทานข้าวด้วยกันทุกอาทิตย์ เรื่องการเช็คบิลกลั่นแกล้งยืนยันว่าไม่มี และไม่มีอยู่ในหัวใจด้วย ปัจจุบันนี้ใครก็ตามที่เคยเชียร์ฝั่งอดีตผู้บริหาร ตนก็ไม่เคยไปรังแกกลั่นเเกล้ง
เมื่อถามถึงเหตุผล ที่กรรมการสอบสวนวินัยเคยสั่งยุติเรื่อง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์กล่าวว่า ว่า ตนก็อยากพูดเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าตอบไม่ขึ้น ผู้ที่เข้ามาสอบยอมรับมีการเข้ามาสอบจริง แต่อ้างว่าไม่ได้มาสอบแทน และนักศึกษารายนั้นไม่ได้ให้เขามาสอบเเทน ปกติการเข้าสอบจะต้องมีการเซ็นชื่อ แต่ผู้ที่เข้ามาสอบนั้น มีการเซ็นชื่อของนักศึกษา และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ส่วนเรื่องการตรวจสอบรายชื่อกับใบหน้าบุคคลสอบนั้น กรณีนี้เราเข้าไปเจอเลยว่า มีการนั่งสอบอยู่ ส่วนวิชาที่เข้าสอบเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนที่ถามว่า เป็นวิชาในหลักสูตรของปริญญาเอกหรือไม่ ตนขอตอบเเค่นี้
ต่อมาได้มีทนายความของนายสามารถ สอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นในสถาบันภาษากับ หลักสูตรปริญญาเอก เป็นคนละกรณีกันใช่หรือไม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เนื่องจากมองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องมิฉะนั้นจะต้องเชิญทุกฝ่ายมา
ภายหลังผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ นายธีรศานต์ เเก้วส่ง ทนายความของนายสามารถ ในห้องประชุม แต่ทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่า ไม่อนุญาตให้ใช้ห้องประชุมในการสัมภาษณ์ จึงต้องออกมาสัมภาษณ์ที่หน้ารั้วมหาวิทยาลัยแทน
นายธีรศานต์ กล่าวอธิบายในเรื่องนี้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุเกิดในสถาบันภาษา เป็นคนละเรื่องกัน สถาบันภาษาเป็นการอบรมระยะสั้น เหมือนสอบโทเฟล ในหลักสูตรปริญญาเอก ไม่ได้บรรจุหลักสูตรของสถาบันภาษาไว้ การเรียนสถาบันภาษา ไม่ได้มีสถานะเป็นนักศึกษา แต่นักศึกษาปริญญาเอก จะต้องมีหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ตามคุณสมบัติที่มหาวิทยาลัยกำหนด จึงต้องใช้ใบรับรองจากสถาบันภาษา
และนายสามารถไม่ได้ให้ใครไปเรียนแทน นายสามารถเรียนและสอบได้ด้วยตนเอง เดิมทีหลักสูตรนี้นายสามารถ ลงเรียนไว้แต่ไม่ได้ไปเรียน ก็จ่ายเงินฟรีไป ใครจะไปสอบหรือไปเรียนไม่รับทราบ แต่ต่อมานายสามารถ ได้มาสมัครและมีการอบรมใหม่ เรียนเองสอบเองร้อยเปอร์เซ็นต์ มีใบรับรอง ประเด็นการลงชื่อแทนนั้น การสอบสวนมีการลงมติไปแล้ว ให้ยุติการสอบสวน ที่มหาลัยแถลงว่า จะมีการตรวจสอบ หากมีการสอบสวนซ้ำ ตรงนี้จะเป็นความผิดทางวินัยและอาญา หลักการของคดีอาญาจะไม่มีการลงโทษซ้ำ ในทางวินัยศาลปกครองเอง ก็วางบรรทัดฐานไว้ว่า จะต้องไม่มีการสอบสวนวินัยและลงโทษซ้ำ
ทางมหาวิทยาลัยมีอำนาจในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้อีก ซึ่งในเรื่องเดิมก็ไม่มีหลักฐานว่า นายสามารถใช้ให้ใครไปสอบแทน หลังจากนี้หากมีการตรวจสอบ และมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนซ้ำ นายสามารถจะดำเนินคดี ทั้งในคดีปกครองและคดีอาญา ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแถลงวันนี้ ไม่ได้มีการลงรายละเอียดว่า ก่อนหน้านี้ที่ยุติเรื่องเพราะอะไรอีกด้วย