30 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา "นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล" สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมพิจารณาคดี"The Icon" นัดแรก ว่า เราได้มีการเชิญกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)และตัวแทนผู้เสียหาย มาให้ข้อมูลกับทางกรรมาธิการ
โดยในส่วนของ"ปปง." เราได้ติดตามในเรื่องของการยึดอายัดทรัพย์ เบื่องต้นมีการยึดอายัดทรัพย์แล้ว 4 ครั้งเป็นเงินทั้งหมด 240 ล้านบาท ครั้งแรกที่มีการยึดอายัดใช้อำนาจของเลขาปปง.ตามกฎหมาย และหลังจากที่มีความชัดเจนในคดีอาญาทางคณะกรรมการธุรกรรมก็จะมีการประชุมกันอีกครั้งและจะมีการยึดอายัดเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ "ปปง." ได้มีการชี้แจงชัดเจนว่าเส้นทางทางการเงินทราบหมดแล้วว่าเงินไปทางไหนบ้าง ของใครบ้าง โยกย้ายถ่ายเงินออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ข้อสำคัญคือถ้าหากโยกย้ายถ่ายเงินออกจากบัญชีอีกก็จะเข้าข่ายการฟอกเงิน
ส่วนตำรวจปคบ.ขณะนี้ มีการโอนคดีไปที่ "DSI" เรียบร้อยแล้ว"DSI" ก็สามารถใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ช่วยทำงานได้ ลำพัง "DSI"เองก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่จำนวนเพียงพอที่จะดูแลคดีที่มีจำนวนมากขนาดนี้
ทั้งนี้ "คดี The Icon" ขณะนี้มี 2 ส่วนคือ คดีอาญาดำเนินไปโดย "DSI"และอีกส่วนคือ "ปปง." ผู้เสียหายจะต้องมาทำเรื่องขึ้นทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์ โดยทาง"ปปง." จะแจ้งประกาศอีกครั้ง หลังจากคดีอาญามีความชัดเจน และ"ปปง."มีจำนวนการยึดอายัดที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะแยกกันกับคดีอาญา ดังนั้น ประชาชนผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีไว้ไม่ใช่ว่าจะได้รับการเยียวยาโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมาขึ้นทะเบียน กับ"ปปง."อีกครั้ง
ส่วนผู้เสียหายที่เป็นทั้งแม่ข่าย และถูก"บอสพอล"แจ้งความว่าเป็นผู้กระทำความผิดด้วยรวมทั้งผู้เสียหายทั่วไปที่มาสมัครเพื่อหวังผลประโยชน์แต่ไม่สามารถขายของได้ วันนี้ก็ได้มาให้ข้อมูล ตนก็ได้ย้ำไปแล้วว่าอย่าเพิ่งกังวลจนเกินไปสำหรับผู้ที่เป็นแม่ข่าย บางคนเป็นแม่ข่าย แต่ถอนตัวออกไป 2 ปีแล้วแต่กลับถูกดำเนินคดี อย่าเพิ่งกังวลไป ต้องรอดู DSI ว่าจะให้คำนิยามของผู้ที่จะเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาว่าอย่างไร เพราะการเป็นสมาชิกมีหลายชั้น และขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าใครจะเป็นผู้เสียหาย แต่อีกส่วนหนึ่งก็จะถูกกันไว้เป็นพยานเพื่อจะเอาผิดกับผู้ที่เป็นตัวหลักให้ได้
"นายเลิศศักดิ์" ยังกล่าวว่า ปปง.ได้ชี้แจง ว่า มีการเตรียมการที่จะขายทรัพย์สินบางอย่างหรือมีการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเหตุให้ปปง.เห็นความเคลื่อนไหวนี้ เลขาปปง.จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน 130 ล้านบาทตามข่าว ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการธุรกรรม แต่ตอนนี้ปปง.เห็นเส้นทางทางการเงินทั้งหมดแล้ว ซึ่งก่อนที่จะมีเรื่องมีราวขึ้นมาผู้บริหารบางคนก็ได้มีการโยกย้ายถ่ายโอนไว้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนสบายใจได้ วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ครั้งต่อไปจะเชิญ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ "DSI"มาชี้แจง เพราะมีประเด็นในเรื่องที่สคบ.เคยทำหนังสือถึงสำนักงานตำรงจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อปี 2561 แต่ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆนี่คือสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้ ขณะนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงและพ.ร.บ.คอมฯ แต่เรื่องความผิดทางพ.ร.บ.ขายตรง ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะ สคบ.ยังไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้มายังตร. เพราะสคบ.เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายนี้โดยตรง ถ้าหากแสดงความเห็นว่า มีแนวโน้มที่จะความผิดพ.ร.บ.ขายตรงหรือการตลาดแบบตรง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็ต้องรอความเห็นจาก สคบ.เช่นเดียวกัน ดังนั้นความชัดเจนจะมีมากขึ้นในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น วันที่ 13 พ.ย. 67
"ข้อสรุปที่อยากได้ คือสรุปแล้วทางดีเอสไอจะกำหนดให้ผู้ที่เป็นผู้ต้องหาหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาคือใครบ้าง ในบรรดาข่ายเครือข่ายของดิไอคอนทั้งหมด เพราะมีหลายชั้น ชั้นระดับไหนถึงจะเป็นผู้เสียหาย ฉะนั้นดีเอสไอจะกำหนดหลักเกณฑ์ว่าอย่างไร หรือจะกันใครไว้เป็นพยาน เอาผิดใครได้บ้าง" นายเลิศศักดิ์ กล่าว
ส่วนที่ทางสมาชิกวุฒิสภามีข้อกังวลว่า การนำเรื่องนี้ให้ดีเอสไอไปดำเนินการ จะแล้วเสร็จไม่ทันตามกรอบเวลา อาจทำให้คดีหมดอายุความนั้น "นายเลิศศักดิ์" กล่าวว่า ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีการติดตามจากประชาชน และยืนยันว่ากรรมาธิการชุดนี้จะติดตามตลอดจนถึงอัยการสั่งฟ้อง ผู้เสียหายได้รับการเยียวยา ถ้าหากการเชิญหน่วยงานมาชี้แจง 2-3 ครั้งจบ ก็จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาดำเนินการต่อ เพื่อให้ประชาชนและผู้เสียหายมาแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อกันได้ และจะสะท้อนปัญหาให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ส่วนเส้นทางทางการเงินจะไปถึงนักการเมืองหรือไม่ "นายเลิศศักดิ์" กล่าวว่า เรายังไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เท่าที่สอบถาม ปปง. ยืนยันว่ารู้เส้นทางอยู่แล้ว ว่าเส้นเงินไปถึงใครบ้าง ไม่ต้องห่วงและสบายใจได้ในเรื่องนี้
ส่วนการจับกุมแม่ข่ายในรอบสองนั้น ตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของ"ดีเอสไอ" ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปที่มีการเชิญ"ดีเอสไอ"ก็จะมีการเจาะประเด็นนี้ ในส่วนของกรรมาธิการก็จะเดินไปทีละขั้นตอน พร้อมยืนยัน วันนี้"ปปง."ชัดเจน ว่าหลังจากที่ได้มีการยึดอายัดทรัพย์ครั้งใหญ่ต่อไป ก็จะอิงกับคดีอาญาไปด้วย ซึ่งทาง "ปปง." ได้ยกคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ได้ยึดอายัดทรัพย์ไว้เยอะ สุดท้ายศาลยกฟ้อง"ปปง." ก็อาจจะโดนฟ้องกลับได้ ปปง.จึงต้องระมัดระวังในส่วนนี้
ดังนั้นหากคดีอาญาเดินทางไปถึงในจุดที่ คณะกรรมการธุรกรรมมั่นใจและสามารถยึดอาญาทรัพย์เพิ่มเติมได้ก็จะดำเนินการ แต่ก็ได้ให้คำมั่นว่าจะมีล็อตใหญ่อีก