3 ตุลาคม 2567 "พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ" ให้สัมภาษณ์พิเศษเปิดใจกับ "เนชั่นทีวี" เป็นสื่อแรก หลังจากรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของกองทัพเรือ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องแหวกม่านประเพณี ไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือไทย และยังไม่ได้อยู่ใน 5 ฉลามกองทัพเรือด้วย
โดย พลเรือเอก จิรพล กล่าวถึงเรื่องเฉพาะหน้าลำดับ 2 ที่ต้องเข้ามาจัดการ ก็คือ โครงการจัดหาเรือดำน้ำ ระบุว่า เรือดำน้ำเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งต้องดูแลข้อมูลที่ได้รับขณะนี้ เรื่องอยู่ที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ท่านก็เพิ่งเข้ามาใหม่ ตนก็เช่นก้น
ฉะนั้นก็ต้องคุยกันว่าจะมีนโยบายอย่างไร ตนก็พร้อมเข้าไปนำเรียนว่ามีประเด็นอะไรตกค้างอยู่บ้าง คาดว่าน่าจะอีกราว 1-2 สัปดาห์น่าจะได้คุยกัน ทั้งหมดอยู่ที่นโยบายของรัฐมนตรี
พลเรือเอก จิรพล กล่าวต่อว่า เรือดำน้ำเป็นกำลังรบที่สำคัญ ที่ผ่านมาโครงการล่าช้ากว่าแผนที่่กำหนด 2-3 ปี ต้องยอมรับว่าโครงการยิ่งช้าจะยิ่งกระทบกับแผนงานอื่นๆ และกระทบกับระบบอาวุธในภาพรวม ฉะนั้นเราอยากให้แผนเดินอย่างไม่ติดขัด และนโยบายมีความชัดเจน คือต้องเดินหน้าต่อไป
ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ยังบอกอีกว่า ในแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพ น่าจะต้องมีเรือดำน้ำ 4 ลำ ส่วนเรือฟริเกตที่ต้องดูแลสองฝั่ง ทั้งอ่าวไทยและอันดามัน รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง ต้องมี 8 ลำ
ส่วนยุทโธปกรณ์อื่นๆ ก็มีทั้งที่ปลดประจำการไปตามเวลา หรือได้มาใหม่บ้าง ตามงบประมาณในแต่ละปี
เมื่อถามถึงแนวทางการเปลี่ยนค่ายเรือดำน้ำ หลังจากโครงการจัดซื้อจากจีนมีปัญหานั้น
พลเรือเอก จิรพล บอกว่า อย่าเพิ่งคิดไกล เราเคยมีเรือดำน้ำ แต่ปลดประจำการไปนานแล้ว จึงต้องมาฟื้นองค์ความรู้ใหม่ทั้งหมด ย้ำว่าทุกประเทศเห็นตรงกันหมดว่า กำลังรบในมิติของอากาศ มิติบนน้ำ และมิติใต้น้ำ ต้องมีอย่างครบถ้วนและเหมาะสม
"ยอมรับว่า ทุกคนจับตามองว่าคนคนนี้จะทำงานได้มากแค่ไหน ก็ขอยืนยันว่า จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ และยึดมั่นความถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ" พลเรือเอก จิรพล เผย
"สำหรับภารกิจสำคัญที่สุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกในขณะนี้ คืองานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบฯ ที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ ซึ่งกองทัพเรือก็จะทำให้ดีที่สุด อย่างสมพระเกียรติ รวมถึงเรื่องถวายความปลอดภัย "