svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รมช.คลัง เผยประชาพิจารณ์กว่า 80% หนุนสถานบันเทิงครบวงจร มั่นใจทำ ศก.ขยายตัว

รมช.คลัง เผยผลประชาพิจารณ์ ปชช.กว่า 80% หนุนสถานบันเทิงครบวงจร ยก "สิงคโปร์โมเดล" เพิ่มอัตราการขยายตัว ศก.เชื่อมีผลกระทบเชิงบวก เกิดการจ้างงาน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลแต่รัฐสภา ถึงนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ว่า สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาศึกษาเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ปีที่แล้วจนเสร็จสิ้น และเสนอให้ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ และส่งให้คณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้ส่งให้กระทรวงการคลัง ไปศึกษาร่างกฎหมาย และปรับแก้ให้มีความเหมาะสม มีการดำเนินการไปแล้วค่อนข้างมาก รวมถึงทำประชาพิจารณ์ ซึ่งมีผู้เห็นชอบมากกว่า 80% ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนให้การยอมรับ และตามขั้นตอนกระทรวงการคลัง จะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี หากให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งต่อไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนจะเสนอมายังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อไป พร้อมยืนยันว่า รัฐบาล ได้มีการทำแบบจำลองในมิติผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเทียบเคียงโมเดลของประเทศสิงคโปร์ และแบ่งผลประโยชน์เป็น 2 ช่วงคือ “ช่วงของการก่อสร้าง” ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี ใช้เงินลงทุนอย่างน้อยแห่งละ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นแห่งละ 0.23% รวม 3 ปี มีการลงทุนไม่ต่ำกว่าแห่งละ 30,000 ล้านบาท และ “ช่วงเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบ” จะสามารถเพิ่มรายจ่ายของนักท่องเที่ยวต่อหัวได้ ไม่ต่ำกว่า 66,000 บาท/หัว ซึ่งหากคิดจากฐานตัวเลขของนักท่องเที่ยว 3,600,000 คน จะทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 1%  ส่วนรายละเอียดการดำเนินโครงการ รายได้ของรัฐ และการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อประชาชน รัฐบาลจะขอรับไว้เพื่อพิจารณา เพื่อผลักดันกฎหมายต่อไป

นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่า รัฐบาลมีงบประมาณพร้อม ระยะแรกจะแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย กลุ่มคนพิการ ซึ่งไม่มีการจำกัดอายุ และกลุ่มเปราะบาง ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่เงินจะไม่ได้จ่ายผ่านบัตร และจะจ่ายผ่านบัญชี ซึ่งในกลุ่มนี้ยังมีประมาณ 1,000,000 คน ที่ไม่มีการผูกบัญชีเข้ากับระบบพร็อมเพย์ จึงประชาชนกลุ่มดังกล่าว ไปดำเนินการที่ธนาคาร หรือ ตู้เอทีเอ็ม โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 14 ล้านคน โดยจะได้รับเป็นเงินสด และกำหนดวันโอนเงินวันที่ 25 - 30 กันยายนนี้

 

ส่วนงบประมาณส่วนที่เหลือ ซึ่งเป็นงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า การแจกเงินจะยังคงเป็นในรูปแบบของดิจิทัลวอลเล็ต และบล็อกเชน และกำหนดเงื่อนไข เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจเหมือนเดิม และหลังจากนี้จะมีการประกาศวันแจกเงินที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ที่สุดแล้ว เงินจะถึงมือประชาชนครบ 10,000 บาท และจะทำให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

นายจุลพันธ์ ยังชี้แจงถึงกรณีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตนโยบายของรัฐบาลไม่มีการลงรายละเอียดว่า อยากให้แยกระหว่างวิสัยทัศน์ และแผนการดำเนินงาน เพราะหากดูจากแนวนโยบายแห่งรัฐจะทราบว่า วิสัยทัศน์ของรัฐบาล จะมีการวาดภาพรัฐบาลไปในทิศทางใด แต่ในส่วนของรายละเอียดเนื้อโครงการจะตามมา ซึ่งจะมีการลงลึกในรายละเอียด พร้อมชี้แจงกรณีที่นโยบายรัฐบาล คล้ายคลึงกับการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เคยแสดงวิสัยทัศน์ ในงานเนชั่น ทีวี ดินเนอร์ทอล์ก เมื่อ 22 สิงหาคม 2567 ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาล ได้สืบทอดอุดมการณ์ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย