svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดปูมหลัง "บิ๊กโจ๊ก" ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร.

เปิดปูมหลัง "บิ๊กโจ๊ก" จากวันแรกในชุดสีกากี ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ เกือบหลับแต่กลับมาได้หลายครั้ง ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร. ปิดตำนานแมวเก้าชีวิตแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแท้จริง

15 สิงหาคม 2567 เป็นที่ชัดเจนแล้วสำหรับกรณีของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล กับเส้นทางในเครื่องแบบสีกากี ที่ขณะนี้เจ้าตัวกำลังใช้สิทธิ์ต่อสู้ทางกฎหมาย จากวิบากกรรมที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์" โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา "ก.พ.ค.ตร." ได้มีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 โดย "บิ๊กต่าย" ให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย 

นอกจากนี้ยังมีปมที่ "บิ๊กโจ๊ก" ที่ต้องสู้คือ กรณีการตั้งสอบวินัยร้ายแรง ที่มี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะ กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง ด้วยการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป 

แต่วันนี้ (15 ส.ค.) จู่ๆ เหมือน "บิ๊กโจ๊ก" จะโดนสายฟ้าฟาดเข้าเต็ม ๆ เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พ้น รอง ผบ.ตร.หลังกระทำผิดวินัยร้ายแรง จนถุูกตั้งกรรมการสอบสวน 
เปิดปูมหลัง \"บิ๊กโจ๊ก\" ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร.

โดยเรื่องนี้เกิดจากการทูลเกล้าของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้นำรายชื่อ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" ขึ้นทูลเกล้าฯ พ้นตำแหน่งราชการ ภายหลัง "ก.พ.ค.ตร." มีมติคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมาย 

ซึ่งพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พ้น รอง ผบ.ตร. ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการยืนยันการปิดเส้นทางการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตำรวจสำหรับบิ๊กโจ๊ก และเป็นการปิดฉากรูดม่านชีวิตราชการของตำรวจผู้นี้ไปอย่างสมบูรณ์ ปิดฉากเจ้าของฉายาแมวเก้าชีวิตแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
 

รู้จักปูมหลัง "บิ๊กโจ๊ก" อดีตแมวเก้าชีวิตแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ตำแหน่งสุดท้ายคือในเส้นทางสายตำรวจคือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกิดที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 เป็นบุตรของ นายดาบตำรวจ ไสว และ นางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์) 

"บิ๊กโจ๊ก" สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล โรงเรียนกลับเพชรศึกษา ซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้ สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม โรงเรียนวิเชียรชม สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ และโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 

ระดับชั้นปริญญาตรี

รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 เป็นหัวหน้านักเรียนของ นรต.รุ่น47

ระดับปริญญาโท

สังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยสามารถสอบคัดเลือกเข้าเรียนได้เป็นอันดับ 1 

ระดับปริญญาเอก

ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล 
ปัจจุบันกำลังศึกษา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคค่ำ (นอกเวลาราชการ) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน
บิ๊กโจ๊ก เมื่อครั้งเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังจบหลักสูตร และ รับมอบประกาศเกียรติบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 21 (ปปร.21) จาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี

เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565 ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันพระปกเกล้า จาก นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตร ว.ป.อ.ปีการศึกษา 2565

นอกจากนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ยังมีบทบาทในตำแหน่งอื่น ๆ ดังนี้ 

นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์
รองผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
อดีตที่ปรึกษา​สำ​นักงาน​ตำรวจแห่ง​ชาติ​ (สบ.9)
อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.)
ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
อีกทั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และ ผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

เปิดเส้นทางสายตำรวจที่เติบโตแบบก้าวกระโดด 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ยศ "ร.ต.ต." เริ่มรับราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 จนได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเป็นสารวัตรในกองวินัย

ต่อมาเป็นสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 และสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 3 จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 จนได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 และเป็นผู้ช่วยนายเวรตำรวจราชสำนักประจำให้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547

ระดับผู้กำกับการ

หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็น พ.ต.อ. "พ.ต.อ.สุรเชษฐ์" ในขณะนั้น ได้รับตำแหน่งผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกระทั่งวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552 จึงได้เป็นผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ได้เป็นผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 10 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 ถูกส่งไปเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จนได้เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลาที่เป็น "พื้นที่สีแดง" เสี่ยงต่อภัยความไม่สงบบริเวณชายแดนภาคใต้

ระดับผู้บังคับการและผู้บัญชาการ

ในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็น พล.ต.ต. ในตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานกับนายกรัฐมนตรี รายงานต่อ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น หลังจากนั้นทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557

นับเป็นนายพลตำรวจคนแรก ที่มีอายุราชการน้อยที่สุด ตั้งแต่มีการก่อตั้ง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ด้วยวัยเพียง 42 ปีเท่านั้น
เปิดปูมหลัง \"บิ๊กโจ๊ก\" ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร.

จนในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จนกระทั่งวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560 เข้ามาทำหน้าที่รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 จนวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็น พล.ต.ท. และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ซึ่งเป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี สร้างประวัติศาสตร์วงการสีกากีอีกครั้ง
เปิดปูมหลัง \"บิ๊กโจ๊ก\" ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร.

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย 

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ก่อนที่ปี 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จะย้ายกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสบ 9 ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. ตามลำดับ ก่อนจะมีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 มี.ค. 67 โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากปมปัญหากับ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก่อนที่จะมีคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่เป็นการกลับมารับคำสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” ไม่ใช่คืนตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. จนมีถึงการมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ "บิ๊กโจ๊ก" พ้น รอง ผบ.ตร. ในวันนี้ (15 ส.ค.)

จะเห็นได้ว่า ตลอดเส้นทางสีกากีของ "บิ๊กโจ๊ก" ต้องเผชิญวิบากในอาชีพมาแล้วไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสมัยเป็น ผกก.ค้ามนุษย์ ก็เคยถูกเรื่องร้องเรียน จนถูกตั้งกรรมการ ก่อนจะเอาตัวรอดพ้นมลทินมา ก่อนได้เป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้รับการเกื้อกูลสนับสนุนจากรุ่นพี่ เริ่มใกล้ชิด "บิ๊กป้อม" และเติบโตเร็วเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง บารมีมากมาย จนได้สมญา "ผบ.ตร.น้อย" ในยุคหนึ่ง หรือการถูกย้ายฟ้าผ่า ให้พ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อต้นปี 2562 

แต่ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่า เมื่อ "บิ๊กโจ๊ก" นายตำรวจผู้เคยสร้างปรากฏการณ์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนนี้ กลับไม่สามารถเอาตัวรอดกลับมาผงาดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อีกแล้ว เป็นการปิดตำนานแมวเก้าชีวิตแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแท้จริง
เปิดปูมหลัง \"บิ๊กโจ๊ก\" ตำรวจที่โตเร็วสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนถูกโปรดเกล้าฯ ให้พ้น รอง ผบ.ตร.