14 เมษายน 2567 จากการแถลงข่าวของรัฐบาล นำโดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมกับ "นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ถึงการนำเงินมาใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งสรุปได้ 3 แนวทาง ประกอบด้วย
ทว่า ประเด็นที่ถูกจับจ้อง คือ การนำเงินจาก ธกส. เพื่อใช้ดำเนินการ โดยล่าสุด "นายสมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
กู้ ธกส.นั้น ICU. แต่ถ้ายืม จองศาลาได้เลย
สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐา จะดำเนินการกับแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ต 172,300 ล้านบาท คงไม่ใช่แค่กู้แล้วใช้คืนพร้อมดอกเบี้ย แต่อาจไปไกลถึงขั้นยืมและทยอยคืนในโอกาสที่เหมาะสมโดยไม่มีดอกเบี้ย
จับจากน้ำเสียงของ รมช.คลัง ที่พูดว่าเป็นการยืม จับจากคำตอบของปลัดกระทรวงคลังที่ไม่ตอบ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าดอกเบี้ยเท่าไร ใช้คืนเมื่อใด
แค่กู้ก็เหนื่อยแล้ว เพราะผิดวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. แต่หากถึงขั้น "ยืม" ใช้คืนแบบไม่มีดอกเบี้ย นั้นจองศาลาวัดได้เลย
เพราะ มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เขียนไว้ชัดว่า "โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการนั้น"
เอาเงินออกไปใช้ย่อมสูญเสียโอกาสให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยธนาคารทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 7.05-7.25 ต่อปี ส่วนของ ธ.ก.ส. อยู่ที่ร้อยละ 6.975 ต่อปี เงินกู้ 172,300 ล้าน จึงมีดอกเบี้ยประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปี
เอาไปแจกประชาชน แล้วค่อยส่งคืนเมื่อตั้งงบประมาณได้ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดเวลาคืน ผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังชัดเจน คนยืมคือ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ และคนให้ยืมคือบอร์ดและผู้บริหาร ธ.ก.ส. จองวัดได้เลย
อยากให้ ครม. มีมติเร็ว ๆ เลยครับ ประชาชนรอไม่ได้
ขณะที่ "รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" อาจารย์พิเศษประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเช่นเดียวกัน โดยมีเนื้อหาระบุว่า
การเอาเงินฝากของ ธ.ก.ส. ให้รัฐบาลนำไปแจก
ไม่น่าจะทำได้ตามพระราชบัญญัติของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มาตรา 9 ข้างต้นนี้
เพราะไม่ได้เป็นการดำเนินกิจการ ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการ
การนำเอาคำว่า "พัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร" มาใช้อย่างโดดโดด เป็นการบิดเบือนการใช้กฎหมายที่เลวร้ายกว่าศรีธนญชั
ถ้าจะอ้างว่าในอดีตรัฐบาลก่อนๆ ก็เคยทำในลักษณะเดียวกัน ก็ไม่น่าจะอ้างได้
เพราะโครงการในอดีตไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการประกันรายได้ ต่างนำเงิน ธ.ก.ส. ไปใช้ร่วมกับผู้ประกอบการตามกฎหมายนี้
และถ้าการนำเงิน ธ.ก.ส. ไปใช้ในอดีตเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ไม่ใช่บรรทัดฐานที่จะอ้างทำตามความไม่ถูกต้องนั้นได้