นับเป็นก้าวแรกต่อจากนี้หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเป็นเอกฉันท์ 253 เสียง เห็นชอบ “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ที่มี “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร พิจารณาแล้วเสร็จ
“NationSTORY” พาไปดูสาระสำคัญของรายงานที่ กมธ.วิสามัญฯ ที่ได้ทำการศึกษา พบว่า
ผลกระทบเชิงบวก
จะช่วยลดอัตราการว่างงานของคนในพื้นที่ลดลง และเกิดการจ้างงานมากขึ้น ประชาชนพึ่งการพนันผิดกฎหมายลดลง ทำให้ปัญหาการเกิดอาชญากรรม และการฆ่าตัวตายลดลง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ผลกระทบเชิงลบ
การติดพนันของบุคคล เยาวชน จนเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา ปัญหาครอบครัว ยาเสพติดภายในสถานบันเทิง-นักท่องเที่ยว และหนี้สิน รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ ที่กระทบต่อความมั่นคงประเทศ
ขณะเดียวกันในรายงานยังได้ศึกษาผลตามมาโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ
ผลเชิงบวก
จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้น เกิดการจ้างงาน กระตุ้นการไหลเวียนของเงินในระบบไม่ให้ไหลออกนอกประเทศ นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เกิดการค้าขาย การจัดเก็บภาษีซึ่งอัตราสูงกว่าปกติ หรือ ภาษีกาสิโน ร้อยละ 17 รวมถึงรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจากธุรกิจปีละหลายแสนล้านบาท สามารถนำงบประมาณมาพัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้ เพราะที่ผ่านมาการห้ามกาสิโนในประเทศไทย ทำให้ประชาชนออกไปเล่นในต่างประเทศ ลดภาระการปราบบ่อนเถื่อน ลดปัญหาผู้มีอิทธิพล
ผลเชิงลบ
ที่อาจทำให้ประชาชนติดพนันจนเป็นนิสัย ไม่สนใจประกอบอาชีพสุจริต ทำให้เงินไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต เกิดปัญหาศีลธรรม ลักทรัพย์ ฉ้อโกง หรืออาจเป็นแหล่งฟอกเงินผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ในบรรดามาตรการต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้บังคับเพื่อลดผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการเล่นพนันถูกกฎหมายนั้น สิ่งสำคัญที่ควรจะต้องมี คือ
โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการกองทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนรวม ที่จะพิจารณาใช้เงินกองทุนเพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันถูกกฎหมาย
ในกรณีการจัดเก็บภาษีสถานบันเทิงแบบครบวงจร แล้วประสงค์จะกันเงินรายได้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ (ตั้งกองทุน) นั้น สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมาย (ต้องออกกฎหมายเป็นการเฉพาะ)
แนะเปิด "กาสิโน" ที่เมืองรอง กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด
ทว่า แม้เสียง สส. จะเห็นชอบรายงานฉบับนี้ ในการแก้ไขสิ่งผิดกฎหมายมาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย รวมถึงสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ก็ยังข้อเสนอไปถึงรัฐบาล โดยเฉพาะการเปิดกาสิโนควรมุ่งไปยังเมืองรอง ที่มีความสะดวกในเรื่องของการคมนาคม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในจังหวัด ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องมุ่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า ไม่ได้มีเพียงกาสิโนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศูนย์การประชุม สวนน้ำ หรือยอร์ช-ครูซซิ่งคลับ แต่ยังเป็นพื้นที่ส่งเสริมสินค้าวัฒนธรรมไทย และ OTOP
ห่วง"กาสิโน"ไม่ช่วยแก้พนันผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ดี รายงานฉบับนี้ที่กมธ.วิสามัญ ได้พิจารณาศึกษา แต่ก็ยังมี สส.อีกส่วนหนึ่ง ได้ส่งเสียงสะท้อนข้อกังวลเพราะมองว่า การเปิดกาสิโน อาจไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้ เนื่องด้วยบางส่วนที่เข้าไม่ถึงกาสิโน ก็อาจไปเล่นการพนันผิดกฎหมาย โดยเฉพาะตัวอย่าง ที่อาจจะซ้ำรอย เช่น สีหนุวิลล์ ในกัมพูชา ที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง
รวมทั้งไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะรับมือไหวหรือไม่ กับคนไทยติดการพนัน ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือการค้ามนุษย์ อีกทั้ง ยังกังวลด้วยว่า จะไม่เกิดการจ้างงานจริง เนื่องจากคนไทยจำนวนมาก ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
ทั้งนี้หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติให้ความเห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว ในขั้นตอนต่อไปจะส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรี และหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็อาจจะตั้งกรรมการเพื่อศึกษาให้รอบด้านอีกครั้ง ก่อนจะเสนอเป็นกฎหมายให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาต่อไป