19 กันยายน 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้บริหารกทม. เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบว่า วันนี้(19 ก.ย.) มาเข้าพบตามปกติก็ต้องดูว่าท่านจะหารืออะไรบ้าง หากสอบถามเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวตนก็จะตอบ เพราะขณะนี้เรื่องค้างอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ส่วนประเด็นเรื่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องไปดูความหมายก่อนว่า 20 บาทคืออะไร เพราะตอนนี้เท่าที้ดูคือ 20 บาทตลอดเส้นทาง ซึ่งหากเป็นสายสีเขียวด้วย ถ้าเป็นนโยบายรัฐบาล ก็ต้องหาเงินมาสนับสนุน เพราะปี 72 ยังมีสัมปทานอยู่ ซึ่งเอกชนก็มีสิทธิ์ในการจัดเก็บค่าโดยสารตามที่เขาต้องการ เพราะยังมีค่าจ้างการเดินรถอยู่ หากจะเก็บ 20 บาทก็ไม่น่าจะคุ้ม เพราะค่าเดินรถมีค่าใช้จ่าย แต่หลังจากปี 72 กทม.ก็สามารถจัดเก็บเงินเองได้ และตอนนี้ก็ต้อง 33 บาทเฉพาะไข่แดง เพราะเราไปจ้างการเดินรถที่มีค่าใช้จ่ายให้เอกขน ถ้าเก็บไม่ถึงก็จะมีส่วนขาดทุน ดังนั้นหากเป็นนโยบายก็ต้องสนับสนุนเงินส่วนต่างให้กทม.
กรณีป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. กับพวกรวม 12 คน รวมถึงผู้บริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ BTSC เกี่ยวกับกรณีการทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2555 เข้าข่ายผิดกฎหมาย นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งศาลที่ชัดเจน และเชื่อว่า รองนายกฯอนุทิน คงมีรายละเอียดอยู่แล้ว เพราะมีการพิจารณาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงเรื่อง ม.44 จะยกเลิกหรือไม่ เพราะเป็นต้นตอของเรื่องนี้ นายชัชชาติ กล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่รัฐบาลเพราะเรื่องยังค้างอยู่ เนื่องจาก ม.44 กำหนดให้รัฐบาลต่อสัญญานให้โดยมหาดไทยเสนอ ถ้าทำไม่สำเร็จก็จะให้มหาดไทยเสนอทางออก ซึ่งเรื่องยังค้างอยู่กทม. หากมอง ม. 44 ที่มีผลกับกทม.ก็คือ การเอามูลหนี้ทั้งหมดไปรวบ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการต่อสัญญา เพื่อมาชำระหนี้ และตอนนี้ยังไม่ได้ชำระหนี้ ซึ่งก็ต้องดูว่า ครม.จะดำเนินการอย่างไร เพราะหากดูคำสั่งไม่ได้กำหนดว่ารัฐบาลไหน และ ม.44 อำนาจยังไม่หมด เนื่องจากเทียบเท่ากับ พ.ร.บ. และหากมหาดไทยเสนออย่างไรไป ครม.ก็คงเห็นอย่างนั้น เพราะหากสุดท้ายไม่เป็นไปตามที่บอก คือไม่รวบและไม่ต่อสัมปทาน ก็ให้มหาดไทยเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการพิจารณาอีกครั้ง
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งว่าให้หน่วยงานต่างๆเสนอว่า จะให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. กทม.จะชงเสนอด้วยหรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะกทม.เป็นแค่ท้องถิ่นเล็กๆ ก็คงต้องแล้วแต่ครม.สำหรับกทม. ม.44 เทียบเท่า พ.ร.บ. เราก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนที่มาที่ไปไม่พูดถึง
เมื่อ นายชัชชาติ ได้เข้าพบ นายอนุทิน โดยได้นำพวงมาลัยมามอบให้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ พร้อมกับชนหมัด กับนายอนุทิน โดยนายอนุทิน กล่าวว่า “เมื่อวาน(18 ก.ย.) ท่านนายกฯเป็นพี่เป็นน้อง แต่ผมเป็นเพื่อนเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆเลย” พร้อมกับยิ้มหัวเราะ จากนั้นนายอนุทิน เปลี่ยนมาเป็นขอจับมือกับนายชัชชาติ เพราะเดี๋ยวจะไปเหมือนกับนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งได้มอบพระพุทธรูปปางลีลา ให้กับนายชัชชาติ เป็นที่ระลึก
จากนั้นได้รับมอบนโยบายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงรายงานการทำงานในส่วนของ กทม. โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมหารือด้วย
ทั้งนี้ มาตรา 44 บัญญัติว่า ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระทําการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่งหรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว