5 กันยายน 2566 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการนำคณะรัฐมนตรี รวม 34 คน เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณว่า วันนี้( 5 ก.ย.) ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป ยืนยัน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน และทุกคนที่มาที่นี่ มาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคน รัฐบาลนี้มีความตั้งใจ ปัญหามีมากมาย
เราจะทำงานลืมความเหน็ดเหนื่อย ทุกวัน ทุกนาที เราจะเอาความต้องการของประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง โดยวันศุกร์ และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ จะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เพื่อพูดคุยรับทราบปัญหาของประชาชน นำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ และวันจันทร์ที่ 11 กันยายนนี้ จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา รัฐบาลนี้จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ภายใต้หลักการที่มีส่วนร่วมของประชาชน รัฐบาลจะสร้างโอกาสความเท่าเทียมให้กับประชาชน เพื่อประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ในอนาคต
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) จะพูดคุยเรื่องเดียว คือ การเตรียมตัวแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะนั่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ที่รัฐบาลชุดนี้ทุกคนให้ความสำคัญ แต่ขอไปพูดคุยภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองก่อน เพราะทุกคนน่าจะมีความคิดที่ดี และจะแจ้งให้ทราบ เช่นเดียวกับการแบ่งงานด้านความมั่นคง ก็จะต้องจะพูดคุยกันก่อน เพราะบางคนเพิ่งเจอกันครั้งแรก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ยังล่าช้า กว่าจะออกได้จริงก็เดือนพฤษภาคม 2567 ว่า รัฐมนตรีทุกคนทราบถึงปัญหานี้ และคิดว่าคงมีไม่มีอุปสรรคอะไรในการบริหารราชการแผ่นดิน อะไรที่ทำได้ก่อนก็จะทำทันที
เมื่อถามว่า ประเมินผลงานคณะรัฐมนตรีกี่เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงแล้วแต่เรื่อง เพราะบางเรื่องอาจจะใช้เวลานาน และขอความเป็นธรรมให้กับรัฐมนตรีทุกคน แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจในปัญหาของประชาชน ดังนั้น เรื่องการเร่งทำงาน เรื่องการทำงานจนลืมความเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่ประเด็น ขอโอกาสให้รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานก่อน
ขณะที่นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะทำใน 100 วันแรกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองยังไม่เคยบอกว่า จะทำให้ 100 วัน แต่จะพยามทำให้เร็วที่สุด คิดว่าสามารถทำได้ในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า และยืนยันว่า จะจ่ายงวดเดียว
เมื่อถามว่า การมีรัฐบาลหลายพรรคการเมือง จะมีความเป็นเอกภาพหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเข้าใจ และตระหนักถึงปัญหาที่เผชิญกัน คงไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่จะเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ จะทำอย่างไรให้ต่างชาติหันกลับมาสนใจประเทศไทยว่า ยังมีหลายเรื่องก็ต้องไปพูดคุยกัน แล้วแต่เรื่องที่จะไปเจอกับผู้นำในแต่ละประเทศ และอาจจะเจอกับนักธุรกิจด้วย แต่ขณะนี้เพิ่งเข้ามาทำงาน ขอเตรียมงานก่อน
ส่วนการทำประชามติ ให้มี สสร. แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้รอหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯก่อน เช่นเดียวกับการวางตัวรองนายกรัฐมนตรีที่จะดูแลด้านกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้วางตัวไว้แล้ว แต่ขอให้รอหลังแถลงรัฐบาลก่อน ทุกอย่างต้องพูดคุยกัน เพราะเป็นรัฐบาลของประชาชน เราตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องถามความคิดเห็นของรัฐมนตรีทุกท่าน
เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้เป็นความหวังของประชาชน จะสามารถบอกได้หรือไม่ว่า ในระยะเวลาเท่าไรที่ประชาชนจะมีเงินมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นคำถามที่เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็อยากจะทราบ วันนี้ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญที่สุดที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ทุกวัน มั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคนจะทำงานอย่างหนัก พยายามเข็นนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน บางอย่างอาจทำได้เร็ว บางอย่างทำได้ช้า แต่จะไม่เอามาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำทั้งหมด
เมื่อถามถึง การพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในวงรับประทานอาหารเที่ยงวานนี้(5 ก.ย.) ที่ช่วงหนึ่งระบุว่า “งานไหนทำไม่ได้ ให้เปลี่ยนคน” นายเศรษฐา ชี้แจงว่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่หมายความว่า อะไรที่ทำได้ ทำไปก่อน อะไรที่ติดขัดอยู่บ้างก็ทำต่อไป แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทำอะไรเลย
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า ไม่มีช่วงฮันนีมูน เพราะตั้งแต่ฟอร์มรัฐบาล ก็ลงพื้นที่เก็บข้อมูล รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน แต่ยังไม่สามารถสั่งการได้ ต้องรอให้แถลงนโยบายรัฐบาลก่อนถึงจะสั่งการได้ และในวันศุกร์นี้(8 ก.ย.)จะลงพื้นที่ภาคอีสานเก็บข้อมูลอีก
ส่วนจะนอนทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ยิ้ม พร้อมระบุว่า ขอดูก่อน
เมื่อถามว่า หากจะให้นายกรัฐมนตรี พูดให้ดังที่สุดหนึ่งประโยคไปถึงประชาชน อยากพูดอะไร นายกรัฐมนตรี นิ่งคิด ก่อนกล่าวว่า เป็นอะไรที่ยากถ้าให้พูดประโยคเดียว โดยขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ว่า พวกเรามีความตั้งใจจริง พวกเราตระหนักถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางความคิด รัฐบาลจะให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียม และพยายามเดินไปข้างหน้าจัดการกับปัญหาให้เร็วที่สุด และมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ด้วยกันตรงนี้จะอบอุ่นตลอดไป เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน