เก้าอี้นายกฯ ยังยาก “พิธา” เจออีกบ่วง ค้ำประกันหนี้ - ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน

6 มิถุนายน 2566 เส้นทางการ "วิบากกรรม" การขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ทำท่าจะไม่ได้จบแค่คดีหุ้นไอทีวี แม้จะออกมาชี้แจงยาวเหยียด ในเฟซบุ๊กแล้ว และมี “กูรู” บางท่านมองว่า จะรอดบ่วงคดีนี้ไปได้ก็ตาม 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• กกต. เร่งพิจารณาคำร้อง "พิธา" ถือหุ้นไอทีวี ชี้รู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิลง ส.ส. แต่ยังสมัคร
• "เท่าพิภพ" ท้าร้องเรียน ปมพิธาพูดชื่อเหล้า ซัดสองมาตรฐาน หากเทียบกับ ม.112
• "ลั่นผิดก็บ้าแล้ว" "เท่าพิภพ" โดดป้อง "พิธา" ปมเชิญชวนซื้อ "สุราพื้นบ้าน"

ล่าสุดมีรายงานว่า ยังมีอีก 2 เรื่องที่กำลังรุมเร้า "นายพิธา" เรื่องแรก มีข่าวใหม่มาว่า "นายพิธา" อาจมีปัญหาเรื่องบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินที่เคยยื่นเอาไว้ เมื่อเป็น ส.ส.สมัยแรก กับพรรคอนาคตใหม่ และย้ายมาพรรคก้าวไกล โดยมีข้อกล่าวหาว่า "นายพิธา" ไปค้ำประกันหนี้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน 

ประเด็นนี้ “เนชั่นทีวี” สอบถาม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด เพราะเพิ่งได้รับเรื่องมา (แปลว่ามีข้อมูลหรือคำร้องมาจริง) พร้อมได้ทำหนังสือสอบถาม ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องตรวจสอบต่อแล้ว ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งในการตอบกลับข้อมูล   

สำหรับข้อมูลที่มีอยู่ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีมูลจริงหรือไม่ เพราะต้องตรวจสอบย้อนหลังไป 4-5 ปี หากมีมูลความผิด จะต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง แต่จะดูเจตนาเป็นหลักว่า จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตั้งแต่แรกหรือไม่

- โพสต์โฆษณาสุราพื้นบ้าน-เบียร์คราฟต์ ส่อผิดกฎหมาย  

อีกเรื่องหนึ่ง คือ กรณีที่โลกโซเชียล กำลังติดตามตรวจสอบพฤติกรรม "นายพิธา" ว่าที่นายกฯ เพราะจงใจโปรโมท “สุราพื้นบ้าน” และ “เบียร์คราฟต์” ผ่านช่องทางสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งหลายคนออกมาตั้งข้อสังเกตว่า พฤติการณ์ของ "นายพิธา" กำลังเข้าข่ายมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 หรือไม่
 

โดยพฤติกรรมของ "นายพิธา" มี 2 ประการที่สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย คือ

1.ไปชิมและเชิญชวนทดลองสุราพื้นบ้าน เบียร์คราฟต์ ในเวลาที่อาจจะเป็นเวลาห้ามจำหน่าย (เหมือนเราไปร้านสะดวกซื้อ จะมีช่วงเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวัน)
2.การโพสต์แนวโฆษณา เชิญชวนต่างๆ

“ทีมข่าวเนชั่นทีวี” ตรวจสอบเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดจนภาคประชาสังคมที่เคยเคลื่อนไหวเรื่องควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ปรากฏว่าหลายหน่วยงาน หลายองค์กรที่เราสอบถามไป ไม่มีใครยอมให้ความเห็น เพราะเกรงจะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง และอาจถูกโจมตีหรือทัวร์ลงได้ โดยหน่วยงานและองค์กรที่เราตรวจสอบไป ได้แก่ 

1. มูลนิธิที่ทำงานเกี่ยวกับผู้บริโภค - ไม่ขอให้ความเห็น แนะนำให้คุยกับกระทรวงสาธารณสุข 
2. สำนักควบคุมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข - ติดต่อไม่ได้
3. สำนักงานเครือข่ายเกี่ยวกับการรณรงค์งดเหล้า - ไม่ขอให้ความเห็น
4. มูลนิธิที่ทำงานเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพชายหญิง ซึ่งเคยทำงานต่อต้านเครือข่ายทุนผูกขาดสุราและโฆษณาแฝง - ไม่ขอให้ความเห็น 
5. ตำรวจ ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) - ไม่ขอให้ความเห็น เกรงจะเป็นประเด็นทางการเมือง 


“เนชั่นทีวี” ไม่ละความพยายาม สอบถามไปยังองค์กร ที่ทำงานด้านเฝ้าระวังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่สุดท้ายได้รับคำตอบว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี 

กรณีแรก คือ การพูดชื่อเครื่องดื่มสุราในรายการโทรทัศน์ช่วงเช้าช่องหนึ่ง กรณีนี้มองว่ายังไม่ถึงกับเข้าข่ายความผิด เพราะคุณพิธามุ่งเน้นผลักดันนโยบายสุราก้าวหน้า ไม่ได้มุ่งเน้นเชิญชวนให้ดื่มสุรา 

กรณีที่สอง กรณีการโพสต์เฟซบุ๊ก หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ ทั้งของส่วนตัวและของพรรค ถือว่า มีความผิด ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ที่ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือทางอ้อม

ซึ่งกรณีนี้ นายพิธา รวมถึงพรรคการเมือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้โพสต์ข้อความทั้งชื่อยี่ห้อ รวมถึงราคา จึงน่าจะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายนี้ 

ส่วนการดำเนินคดีตามกฎหมายจะมีหรือไม่ และไปไกลถึงขั้นไหน ต้องรอดูกันต่อไป เพราะเหมือนจะไม่มีใครกล้าขยับไปฟ้องร้องหรือดำเนินคดี