23 พฤษภาคม 2566 ช่วงเช้าวันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เดินทางเข้าหารือกับ สภาอุตสาหกรรม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้กลับคืนมา ซึ่งถือเป็นหน่วยงานแรกของภาคธุรกิจ โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้การต้อนรับ
นายพิธา เดินทางมาด้วยวินรถจักรยานยนต์เช่นเดิม และกล่าวก่อนเข้าหารือว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านฯ จึงมีการพูดคุยกับสภาอุตสาหรกรรม เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ 6 ข้อที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยได้นำเสนอไว้ และถือเป็นการได้กลับบ้านเก่าด้วย เพราะตนเองเคยทำงานที่นี่
โดยในวันนี้จะได้แลกเปลี่ยนกันในนโยบายอุตสาหกรรมของรัฐบาลก้าวไกล ที่จะเน้นบรรเทาทุกข์ ความเท่าเทียม และความทันสมัย คือต้องแฟร์ พื้นฐานของประเทศต้องเฟิร์ม และมีการเจริญเติบโตที่ลดความเหลื่อมล้ำ หากพี่น้องนักธุรกิจและนักลงทุนฟังอยู่ ก็จะเห็นภาพว่า เมื่อเศรษฐกิจของประเทศเติบโตจากล่างขึ้นบน ไม่ใช่แข็งแรงแค่หัว ก็จะทำให้เกิดเศรษฐกิจภายในประเทศขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโนบายค่าแรง จะเดินหน้าเหมือนเดิมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ บางเรื่องที่จะต้องรวดเร็วก็ต้องรวดเร็ว บางเรื่องที่จะต้องรอบคอบก็ต้องรอบคอบ และภายในสัปดาห์นี้ ก็จะไปหารือรับฟังกกร. สภาแรงงาน และสภา SME เพื่อให้เกิดการรับฟังอย่างรอบด้าน เพื่อนำข้อมูลจากการรับฟัง ไปหารือกับพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพรรคใหญ่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง
แต่ก็จะต้องเข้าใจว่าพี่น้องแรงงานไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรงมานาน จึงต้องศึกษาแพ็กเก็จที่สามารถบรรเทาการขึ้นค่าแรง ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยทำสมัยปี 2556 เพื่อให้ช่วยในการดูแลทั้งแรงงาน เจ้าของSME เจ้าของธุรกิจ และดูเรื่องความเท่าเทียม รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งทั้งหมดนี้ อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด
เมื่อถามถึง กรณีการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)หากไม่ครบ วางแผนอย่างไรต่อ นายพิธา ชี้แจงว่า ตอนนี้ยังดูไม่น่ามีปัญหา และเท่าที่คณะเจรจาอัปเดตให้ฟัง ยังมองว่าเป็นเรื่องของระบบมากกว่าตัวบุคคล ซึ่งจะต้องประคับประคองไม่อยากให้ประเทศถึงทางตัน และส่วนตัวก็มีการพูดคุยกับคณะกรรมการที่เจรจากับ ส.ว.มาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงส่วนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจก็มีการติดต่อขอพบ ทั้งจากก้าวไกลเองติดต่อไปและจากพรรคร่วมที่ส่งคอนแท็กมาให้ติดต่อไป
สำหรับการมาที่มาสภาอุตสาหกรรมวันนี้ ก็มีสมาชิกวุฒิสภาหลายท่าน ก็เคยทำงานร่วมกันมาในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย และได้โทรศัพท์เข้ามาหาตนเองด้วย ทำให้เรื่องของความแน่นอนมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาชนสบายใจ นักธุรกิจนักลงทุนจากต่างประเทศเริ่มสบายใจ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น
เมื่อถามถึงเรื่อง ม.112 ที่พรรคร่วมอย่าง ไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทย ไม่เอาทั้งยกเลิกและแก้ไข จะมีผลกับการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีความกังวล เพราะได้พูดคุยกันตั้งแต่เวทีดีเบตแล้ว และก่อนเซ็น MOU ก็ได้พูดคุยกันอีกครั้งและเข้าใจว่า เป็นวาระเฉพาะของแต่ละพรรค ยืนยันว่า ไม่คิดว่า พรรคก้าวไกลจะโดดเดี่ยวในการแก้ไข ม.112 เพื่อให้ความสัมพันธ์ของสถาบันกับประชาชนเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
เมื่อถามถึง กรณีที่ภาคเอกชน อยากให้ตั้งรัฐบาลก่อนสิงหาคมนี้เป็นไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีกรอบของกฎหมายอยู่ว่า กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) จะรับรอง ส.ส.เมื่อไร ถ้า กกต.รับรองได้เร็ว และกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้แบบนี้ก็น่าจะเร็วขึ้น