9 มกราคม 2566 เมื่อเช้าวันนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขามูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ภายหลังเปิดเผยแชทข้อความและรูปภาพ ที่ระบุว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นชู้กับภรรยาของชายคนหนึ่ง ซึ่งทนายตั้มใช้ชื่อว่า "คุณ ก." โดยก่อนการแถลงข่าว ทนายตั้มได้คุยกับ "คุณ ก." ก่อนด้วย
จากนั้น ทนายตั้ม ได้แถลงข่าว ระบุถึงที่มาที่ไปก่อนว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา "คุณ ก." ลูกความของตนเอง มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้ว โดยภรรยาทำงานที่โรงแรมแห่งหรูแห่งหนึ่ง ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาสังเกตเห็นว่าภรรยามีท่าทีเปลี่ยนไป จึงได้แอบดูพฤติกรรมมาโดยตลอด ต่อมาเขาได้ไปเปิดดูโทรศัพท์ของภรรยา ก็ไปเห็นข้อความในไลน์ที่คุยอยู่กับชายคนหนึ่งในลักษณะชู้สาว
นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายที่โป๊เปลือย แนบชิดสนิทสนมกันจำนวนมาก เขาก็รู้สึกตกใจแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายชายเป็นใคร เขายิ่งรู้สึกตกใจมากกว่า เพราะเป็น อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงและทุกคนรู้จักดี
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า รูปที่ "คุณ ก." เห็น น่าจะจะเกิดขึ้นเมื่อ ตุลาคม ปี 2565 โดยหลังจากที่รู้เรื่องแล้ว เขาก็ได้พูดคุยกับภรรยาและขอหย่า แต่ภรรยาไม่ยอมหย่า อ้างว่า ยังรักอยู่ โดย "คุณ ก." ทราบดีว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็รู้ดีว่าฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว แต่ก็ยังมีพฤติกรรมดังกล่าว
" คุณ ก.ได้มาปรึกษาคดีความกับตนว่าจะสามารถฟ้องหย่าได้หรือไม่ จึงได้แนะนำข้อกฎหมายไปว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีอาญา สามารถฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทน จากภรรยาและชู้ได้ จึงได้ทำการฟ้องคดีแพ่งและฟ้องหย่าไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา"
หลังจากที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีทราบเรื่องว่า "คุณ ก." ทราบเรื่องแล้ว "คุณ ก."ก็ถูกข่มเหง ถูกระราน โดยมีชายฉกรรจ์ สวมชุดดำ ตามมาที่คอนโด และ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังได้ฟ้องร้องภรรยาของ คุณ ก. ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากอ้างว่า ฝ่ายหญิงไปหลอกลวงเขาด้วย
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า ต่อมา ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จึงได้เรียก "คุณ ก." และ ภรรยา เข้าไปพบตำรวจ แต่เมื่อไปถึงได้เจออดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันพร้อมหน้าทั้ง 3 คน โดยมีชายฉกรรจ์ 6-7 คน มาล้อม "คุณ ก." เอาไว้ แล้วตำรวจก็เดินออกจากห้องไป ทำให้ คุณ ก. รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้ปรึกษาตนให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เนื่องจากว่า ถ้าหากเป็นอะไรไป จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เนื่องจาก คุณ ก. ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้ และตนได้ทำเรื่องร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ลูกความแล้ว และในวันที่ 21 มี.ค.นี้ จะเป็นวันขึ้นศาลเยาวชนครอบครัวกลาง
ส่วนรองนายกฯจะเป็นใครนั้น ทนายตั้ม บอกว่า ไม่สามารถบอกชื่อตรงๆได้ เพื่อป้องกันการถูกฟ้อง แต่ไม่ได้กลัวที่จะต้องถูกฟ้อง แต่คิดว่าเสียเวลา และไม่ขอเอ่ยถึงพรรค หรือเป็นอดีตรองนายกฯสมัยไหนยังไง เพราะถ้าระบุไปก็เหลือรองนายกฯ ไม่กี่คน ก็ระบุตัวตนได้ ก็ถูกฟ้องหมิ่นฯอีก
ทั้งนี้ ทนายตั้ม บอกคำใบ้ว่า..
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
นักข่าวถามว่าใช่คนที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่เขาบ้างหรือไม่ ทนายตั้ม ถามกลับว่า มีใครออกมาปฏิเสธแล้วบ้างนักข่าวบอกผมหน่อย นักข่าวก็เลยเอ่ยชื่อ คนแรก ‘ปลอดประสพ สุรัสวดี’ ทนายตั้มก็ถามต่อว่า แล้วมีใครอีก นักข่าวบอก ‘ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์’ พอถึงคนนี้ ทนายตั้ม พูดว่า "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เขาบอกว่า ยังไงครับ อ่อๆ เขาปฏิเสธ คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์เขาปฏิเสธเหรอครับ อ่อครับผม"
แล้วก็ถามต่อว่า แล้วมีใครอีก นักข่าวก็บอกว่า ยุคล ลิ้มแหลมทอง ทนายตั้มบอก คงไม่เกี่ยวหรอกครับ
ส่วนจะเคยมีพฤติกรรมกับคนอื่นหรือไม่นั้น ทนายตั้ม บอกว่า ตนเองไม่ทราบแต่ลูกความของตนเองมีหลักฐานชัดเจน ทั้งรูปภาพ และคลิป ซึ่งหากมีหลักฐานแล้วยังโกหกว่าไม่ใช่ตนเองสังคมก็คงไปเชื่อถือกับคนแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ส่วนจะเคยมีพฤติกรรมกับคนอื่นหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบแต่ลูกความของตนเองมีหลักฐานชัดเจน ทั้งรูปภาพ และคลิป ซึ่งหากมีหลักฐานแล้วยังโกหกว่าไม่ใช่ตนเองสังคมก็คงไปเชื่อถือกับคนแบบนี้ไม่ได้แล้ว
“ไม่ขอเอ่ยถึงพรรคหรือเป็นอดีตรองนายกฯสมัยไหนยังไง เพราะถ้าระบุไปก็เหลือรองนายกไม่กี่คน ก็จะทำใหเระบุตัวตนได้ ซึ่งก็จะทำให้ถูกฟ้องหมิ่นอีก"
ทั้งนี้ทนายตั้มบอกว่า เรื่องนี้มองได้สองมุมคือเป็นเรื่องชู้สาว และอีกมุมคือเป็นเรื่องของประเทศชาติ เพราะเป็นถึงอดีตรองนายกฯ และทนายตั้ม บอกอีกว่า ปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว เพราะจากการไปค้นประวัติมาพบว่า เคยเป็นสมาชิกเพื่อไทยตอนปี 2551แล้วพ้นจากสมาชิกไปตอนปี 2561 และมาก่อเหตุเป็นชู้ตอนปี 65
ทั้งนี้ ที่จะต้องออกมาบอก ก็เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับสังคมเพราะคู่กรณีเป็นถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี