ในขณะที่โลกโซเชียลกำลังสนุกกับมีมคู่รักชายหญิงในรถคันแดง กับการเริ่มประโยคสนทนาที่เหมือนกัน แต่ดันลงท้ายจบประโยคกันคนละแบบ และปิดท้ายความโบ๊ะบ๊ะด้วยการที่คู่รักทั้งสองเป็นอันต้องเบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่างกันไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งสื่อถึงความที่เห็นไม่ตรงกัน หรือมีรสนิยมไปคนละทิศคนละแบบได้ มีมนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Couple in a Red Car” แต่รู้หรือไม่ว่ามีมนี้และมีมอื่นๆที่โด่งดังมีที่มาและกลายเป็นตำนานกระฉ่อนโลกได้อย่างไร?
มีม Couple in a Red Car ฮิตขึ้นมาได้อย่างไร?
จุดกำเนิดของมีมคู่รักในรถสีแดงเริ่มขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2016 เมื่อศิลปินนามว่า อเล็กซานเดอร์ โปคูเซย์ (Alexander Pokusay) อัปโหลดภาพคู่รักคู่หนึ่งนั่งอยู่ในรถสีแดงแบบเวกเตอร์ สไตล์ป๊อปอาร์ตลงยังเว็บ Stock Photo อย่าง Shutterstock, VectorStock และDreamstime แต่โปคูเซย์ดันไม่ได้อัปโหลดรูปภาพออริจินัลแค่ภาพเดียว แต่เขายังอัปโหลดรูปนี้ในอีกหลายเวอร์ชัน
ภาพดังกล่าวถูกพบเป็นมีมครั้งแรกช่วงเดือนกันยายน 2020 โดยถูกนำไปใช้เล่นมุกโดย ‘Cobra Kai Kompanion’ ช่องพอดแคสต์และยูทูบเกี่ยวกับ ‘Cobra Kai’ และเริ่มแพร่หลายบนโลกอินเทอร์เน็ต ภาพนี้กลายเป็นมีมไวรัลเมื่อรายการทีวี รวมถึงช่อง Social Media ซื้อภาพไปตัดต่อทำมีม ก่อนจะแพร่สะพัดบนโลกออนไลน์อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคม 2021 แต่มีมที่ว่าดันเพิ่งมาดังในเมืองไทยช่วงต้นปี 2022 ซึ่งแต่ละเพจในประเทศไทยยังนำไปดัดแปลงเล่นมุกกันอย่างหลากหลาย และสร้างสีสันให้กับโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก
นิค ยัง (Nick Young) จากนักบาส NBA สู่ชายผู้ใช้ชีวิตที่สองในฐานะมีม
ถือเป็นหนึ่งภาพมีมอันโด่งดังที่ไม่ว่าจะผ่านไปแพลตฟอร์มไหน “นิค ยัง” จะตามคุณไปแทบทุกครั้ง กับมีมหน้าตาอิหยังวะ ยียวนชวนสงสัยกับ “Confused Nick Young” แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วตัวตนที่แท้จริงของชายภายใต้มีมอันโด่งดังนี้ เขามีดีกรีถึงระดับนักบาสเก็ตบอล NBA ที่เคยได้ร่วมทีมกับ Laker , Warrior และ Nuggets ทีมบาสเก็ตบอลชื่อดังระดับโลก
ที่มาของมีมนี้เกิดขึ้นเมื่อยูทูปเบอร์รายหนึ่งชื่อว่า Cassy Athena อัพโหลดคลิปหนึ่งในซีรี่ส์ออนไลน์ Thru The Lens ซึ่งเป็นรายการตามชีวิตนักกีฬาและคนดังตลอดทั้งวัน ซึ่งในช่วงหนึ่งของการตามติดชีวิต “นิค ยัง (Nick Young)” แม่ของ นิคดันพูดถึงวัยเด็กลูกชายตัวเองว่า เมื่อครั้งยังเด็ก นิคเป็นเหมือนตัวตลก เพราะเขาชอบทำท่าบ้าๆบอๆ และทำให้คนอื่นหัวเราะอยู่เสมอ
พอได้ยินแม่พูดถึงตัวเองแบบนั้น นิคถึงกับต้องเอียงศีรษะด้วยความประหลาดใจ แถมยังอมยิ้มปนด้วยความสับสน บวกกับในคลิปที่เผยแพร่นั้นมีการเน้นไปที่หน้าของ นิค พร้อมเติมเครื่องหมายคำถามให้ หลังจากนั้นในปี 2015 ชาวเน็ตช่างสำรวจได้แคปภาพดังกล่าวจากวีดีโอไปทำเป็นมีม และแพร่กระจายต่อออกไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน
ตำนานมีมอื่นๆ พร้อมที่มา
Crying Jordan (จอร์แดน ร้องไห้)
ภายใต้ภาพชายแสนเศร้าที่กลายเป็นมีมกระฉ่อนไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต รู้หรือไม่ว่าชายคนนี้ แฟนกีฬาและบาสเก็ตบอลล้วนยกย่องให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล “ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan)”
ต้นกำเนิดของมีมในตำนานนี้ เกิดขึ้นเมื่อ ไมเคิล จอร์แดน ต้องออกไปกล่าวสุนทรพจน์ และเนื้อหาในสุนทรพจน์นั้นสะเทือนอารมณ์เขามาก กับการเข้ารับตำแหน่ง Hall of Fame ซึ่งในระหว่างการพูดถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดและสิ่งที่กีฬาบาสเก็ตบอลสอนเขาตลอดหลายปี เป็นจุดที่ทำให้จอร์แดนร้องไห้อย่างหยุดไม่อยู่ ในขณะเดียวกันก็มีช่างภาพรายหนึ่งจับภาพของจอร์แดนในช็อตที่กำลังร้องไห้ไว้ ซึ่งเมื่อภาพถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ และ โซเชียลมีเดียต่างๆ มีมนี้จะถูกใช้เฉพาะแค่ในวงการกีฬา เพื่อแสดงความพ่ายแพ้หรือผิดหวัง แต่ต่อมาหลังจากถูกดัดแปลงให้มีความหลากหลายมากขึ้น มีมจอร์แดนร้องไห้ก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายไปในทุกวงการ
แฟนหนุ่มเหลียวหลัง (Distracted Boyfriend)
มีมที่โด่งดังอย่างมากในทุกแพลตฟอร์มของโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งเมื่อดูจากหน้าของแฟนหนุ่มในภาพแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่มีมนี้จะไวรัลไปทั่วโลก ที่มาของภาพนี้เกิดจากช่างภาพรายหนึ่งชื่อว่า Antonio Guillem ที่ได้อัพโหลดซีรี่ส์ภาพถ่ายลงยังเว็บไซต์สต็อคโฟโต้อย่าง iStock พร้อมคำบรรยายภาพว่า “ไอ้หนุ่มไม่รักดีที่เหลียวหลังมองหญิงอื่นแม้อยู่กับแฟนสาว”
ในปี 2017 ผู้ใช้อินสตาแกรมรายหนึ่งได้นำภาพนี้ไปโพสต์พร้อมคำบรรยายภาพว่า “แท็กเพื่อนที่ปิ๊งคนใหม่ทุกๆเดือน” ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปราว 7 เดือน ยอดไลก์ของรูปนี้ค่อยๆไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆจนถึง 28,500 ไลก์ และถูกนำไปดัดแปลงทำซ้ำอยู่เรื่อยๆจนเราเห็นกันอย่างชินตามาถึงปัจจุบัน
เด็กสาวมหันตภัย (Disaster Girl)
ที่มาของมีมในตำนาน อย่าง “Disaster Girl” โดยมี Zoë Roth เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ยืนยิ้มให้กับกล้อง ในขณะที่ด้านหลังของตัวเธอคือบ้านทั้งหลังที่กำลังถูกไฟไหม้ ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นที่เมือง เมเบน, นอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2005 โดย Dave Roth พ่อของเธอ และถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี 2008 ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับรูปถ่าย และมียอดรับชมมากถึง 95,000 ครั้ง หลังจากนั้นภาพของ Disaster Girl ก็ถูกอัพโหลดลงบนแพลตฟอร์มอื่นๆอีกมากมายจนแพร่หลายถึงทุกวันนี้
แต่รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบัน Zoë Roth ได้มีอายุครบ 21 ปีแล้ว และเธอตัดสินใจนำภาพมีมอันโด่งดังจากตัวเธอเข้าประมูลขาย ผ่านเทคโนโลยี NFT ในราคา 180 เหรียญ Ether หรือ 493,885 ดอลลาร์สหรัฐ (15.4 ล้านบาท) ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิในการครอบครองมีม Disaster Girl นี้ คือ 3F Music สตูดิโอบันทึกเสียงในตะวันออกกลาง
ทุกวันนี้อาจมีภาพถ่ายจากทั้งอดีตและปัจจุบันที่รอการค้นพบจากใครสักคนอยู่ ในอนาคตแน่นอนว่าเราจะเห็นมีมผุดขึ้นอีกมากมาย แต่มีมไหนจะกลายเป็นตำนาน รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาล ก็ยังต้องรอลุ้นกันต่อไป
--------------------
อ้างอิง