Highlights
--------------------
ในปัจจุบันสถาปัตยกรรมและการออกแบบของห้องสมุดที่เราพบเห็นได้จนชินตาส่วนใหญ่ล้วนตกแต่งด้วยบานกระจกเพื่อให้เห็นถึงความโมเดิร์นทันสมัย ประกอบกับตัวอักษร sans serif บางๆ ที่ทำให้เกิดความมินิมอลถูกใจวัยรุ่นเป็นอย่างมาก การออกแบบห้องสมุดในปัจจุบันไม่ได้มีความผิดแปลกแต่อย่างใด แน่นอนว่ามีความสวยงามชวนมองอยู่ไม่น้อย แต่ยังมีห้องสมุดทั่วโลกอีกมากมายที่การออกแบบและตกแต่งยังคงกลิ่นอายวินเทจ บุด้วยพื้นไม้สุดคลาสสิก และที่สำคัญคือแม้ว่าห้องสมุดเหล่านี้จะไม่ได้ตกแต่งให้มีความร่วมสมัยแต่กลับได้รับการจัดอันดับให้เป็นห้องสมุดที่สวยและดีที่สุดในโลก
1. Juristische Bibliothek, Munich
ห้องสมุดกฎหมายแห่งมิวนิค (The Law Library of Munich หรือ Juristische Bibliothek München) เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในเมืองจากแคว้นบาวาเรียอย่างมิวนิค ห้องสมุดก่อตั้งขึ้นในปี 1843โดยเริ่มจากการเป็นห้องสมุดของเทศบาล และตั้งอยู่ในพื้นที่แสนโอ่อ่า ณ ศาลาว่าการแห่งใหม่ที่ มาเรียนปลาทซ์ (Marienplatz) หรือ จัตุรัสพระแม่มารี โดยห้องสมุดถูกออกแบบโดยสถาปนิก Georg von Hauberrisser ตั้งแต่ปี 1960
ในช่วงเวลาทำการ ห้องสมุดยังเปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ ไม่ได้จำกัดเฉพาะนักศึกษาวิชากฎหมาย นักเรียนนักศึกษาหรือประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้บริการห้องสมุดได้ แถมยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมของศาลากลางแห่งเมืองมิวนิคด้วย
2. Royal Portuguese Cabinet of Reading, Rio de Janeiro
แม้ว่าห้องสมุด Royal Portuguese Cabinet of Reading จะก่อตั้งขึ้นในปี 1837 แต่การก่อสร้างกลับเริ่มขึ้นเกือบ 50 ปีให้หลังในปี 1880 โดยสถาปนิกชาวโปรตุเกส Rafael da Silva ความคิดริเริ่มในการก่อตั้งห้องสมุดนี้มาจากกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโปรตุเกส 43 คนที่ต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมและวรรณกรรมให้กับสังคมชาวโปรตุเกสด้วยกันที่อพยพมาอาศัยยังแผ่นดินบราซิล
ห้องสมุดถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ neo-manueline ตกแต่งภายนอกด้วยปติมากรรมจาก Limestone หรือหินปูนที่ปั้นขึ้นตามนักสำรวจจากแดนฝอยทองอย่าง Pedro Alvares Cabral, Luis de Camoes, Infante D. Henrique, และ Vasco da Gama
Royal Portuguese Cabinet of Reading เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้ตั้งแต่ปี 1900 และด้วยความกว้างใหญ่ของห้องสมุดจึงสามารถเก็บหนังสือได้กว่า 350,000 เล่ม
3. Livraria Lello, Porto
ไม่แปลกใจเลยที่ Livraria Lello จะเป็นหนึ่งในร้านขายหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดและสวยที่สุดบนโลกใบนี้จุดกำเนิดของร้านหนังสือที่แสนวิลิศมาหรานี้ต้องย้อนไปยังไป 1881 เมื่อสองพี่น้อง Lello อย่าง José และAntónio เปิดตัวธุรกิจที่เน้นการตีพิมพ์และขายหนังสือ ถัดมาในปี 1894 ทั้งคู่ได้ลงทุนซื้อร้านหนังสือ Chardon และเริ่มขยับขยายธุรกิจต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1906 จึงได้เปิดตัว Livraria Lello ขึ้นมา
ราคาเข้าชมสำหรับ Livraria Lello จะอยู่ที่ 5 ยูโรหรือราวๆ 190 บาท แต่หากผู้เข้าชมสนใจซื้อหนังสือภายในร้านด้วยทางร้านก็จะคืนเงินค่าตั๋วให้เช่นกัน
4. Acqua Alta Library , Venice
Acqua Alta หรือที่สามารถแปลได้ว่าระดับน้ำสูง ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองเวนิสที่มักประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง ร้านหนังสือ Acqua Alta จึงได้หยิบชื่อนี้มาเป็นกิมมิคร้านเสียเลย โดยความพิเศษของทางร้านคือนอกจากจะขายหนังสือมือสองและสินค้าที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว ทางร้านได้นำอ่างอาบน้ำและเรือกอนโดล่ามาใช้เป็นที่วางหนังสือภายในร้านเพื่อป้องกันเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำๆในเมืองเวนิสอีกด้วย หากเกิดน้ำท่วมขึ้นมาแล้วล่ะก็เจ้าหนังสือทั้งหลายจะลอยคออยู่บนเรือและอ่างอาบน้ำ การันตีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งความโดดเด่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยคือทางร้านได้มีการนำหนังสือที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วมในอดีตมาเรียงรายเป็นผนัง เคล้ากลิ่นอายความวินเทจแห่งประวัติศาสตร์ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถแวะเวียนมานั่งเล่น ถ่ายรูป และได้หนังสือติดมือกลับไปไม่มากก็น้อย
5. Library of Trinity College Dublin, Dublin
ห้องสมุด Trinity College ถือเป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไอร์แลนด์ ก่อตั้งในปี 1592 โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 และสำหรับตัววิทยาลัย Trinity College เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะสถานศึกษาที่กวีชาวไอริชอย่าง Oscar Wilde และนักประพันธ์อย่าง Samuel Beckett สำเร็จการศึกษามา
ห้องโถงขนาดยาวที่เราเห็นในภาพมีความยาวถึง 65 เมตร ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1712 ถึง 1732 และสามารถเก็บหนังสือได้ถึง 200,000 เล่ม ภายในห้องสมุดและชั้นวางหนังสือถูกบุด้วยแผ่นไม้มาเป็นอย่างดี ทำให้ห้องสมุดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่สวยงามและน่าทึ่ง ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ผู้ที่สนใจอาจต้องเผื่อเวลาเดินทางและเวลาต่อคิวกันสักเล็กน้อย และในส่วนของค่าเข้าชมนั้นจะอยู่ที่ 10 ยูโรหรือราว 380 บาท
6. Armchair books, Edinburgh
Armchair Books เป็นร้านหนังสือมือสองที่ตั้งอยู่บริเวณถนน West Port ย่านเมืองเก่าแห่งเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ทางร้านได้รวบรวมหนังสือมือสองเอาไว้มากมาย แม้ทางตัวร้านอาจจะมีขนาดไม่กว้างมากแต่เมื่อไปถึงจะให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังผจญภัยอยู่ในอาณาจักรหนังสือ ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นมากมาย
ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต้องอยู่ในสภาวะล็อกดาวน์ ทางร้านก็ได้ผุดไอเดีย cycle delivery หรือการส่งหนังสือตามบ้านโดยการปั่นจักรยาน ทางผู้จัดการของร้านจะรับออเดอร์รายชื่อหนังสือต่างๆผ่านระบบออนไลน์แล้วตระเวนส่งตามบ้านผ่านการใช้จักรยาน นอกจากจะตอบรับความต้องการของนักอ่านแล้วยังช่วยรักโลกไปพร้อมๆกันอีกด้วย
7. Tianjin Binhai Library, Tianjin
หันกลับมาดูที่ฝั่งเอเชียกันบ้าง แน่นอนว่าในเอเชียเองก็มีห้องสมุดที่ดีไม่แพ้กับฝั่งยุโรปเช่นกัน หนึ่งในห้องสมุดที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าวกับ Tianjin Binhai Library ที่ตัวสถาปัตยกรรมมีความละม้ายคล้ายกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟสักเรื่องหนึ่ง ความหรูหราโอ่อ่าของห้องสมุดแห่งนี้สามารถจุหนังสือได้มากถึง 1.2 ล้านเล่มในพื้นที่ 5 ชั้น ถึงขนาดที่ว่าสำนักข่าว CCTV เรียกพื้นที่แห่งนี้ว่า “มหาสมุทรหนังสือ (Ocean of Books)” เลยทีเดียว
รัฐบาลเมืองเทียนจินร่วมก่อสร้างห้องสมุดแห่งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านวัฒนธรรมของเมือง และด้วยความร่วมมือของสถาปนิกสถาปนิกชาวเนเธอร์แลนด์จากบริษัท MVRD ทำให้ห้องสมุด Tianjin Binhai Library ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง ถูกพูดถึงไปในวงกว้างและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้วันละราวๆ 10,000 คน
8. Museum of Local History & Science, Görlitz
ห้องสมุดที่ดึงดูดสายตาแห่งนี้ตั้งอยู่ในพิพิธภัณพ์ Museum of Local History & Science ณ เมือง Görlitz เมืองทางทิศตะวันออกของประเทศเยอรมนี โถงหนังสือขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์และสวยงามถูกออกแบบและตกแต่งชั้นวางหนังสือด้วยไม้บีชเด่นหราบริเวณกลางห้องโถง เปรียบเสมือนภาพจำลองของเวทีการแสดง ตกแต่งและโอบล้อมไปด้วยหนังสือเก่ามากมายเปรียบเทียบได้ดั่งตัวเอกของการแสดงโชว์บนเวที เรียกได้ว่าน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ และทำให้ห้องสมุดแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก
9. Rijksmuseum, Amsterdam
Rijksmuseum เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับศิลปะและประวัติศาสตร์ในอัมสเตอร์ดัม ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ ณ จุตรัสพิพิธภัณฑ์ (Museum square) ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แวนโกะ และแหล่งพิพิธภัณฑ์อีกมากมาย ที่รวบรวมคอลเลกชั่นต่างๆไว้มากกว่า 8,000 ชิ้น โดยในปีนึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาแวะเยี่ยมชมจากทั่วโลกราว 2.2-2.47 ล้านคน
โดยห้องสมุดภายในพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก ที่สำคัญคือเป็นห้องสมุดสาธารณะที่เปิดให้ใช้บริการฟรี และมักจะมีผู้คนมานั่งทำงานและอ่านหนังสือกันอยู่แทบจะตลอดเวลา
10. Dujiangyan, Zhongshuge
ร้านหนังสือ Dujiangyan Zhongshuge ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดินเข้าไปในตัวร้านจะให้ความรู้เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางทิวเขาหนังสือ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อหนังสือได้เป็นอย่างดี การออกแบบตัวอาคารได้แรงบันดาลมาจากประวัติศาสตร์ และลักษณะภูมิประเทศของเมือง โดยสถาปนิกได้ออกแบบชั้นหนังสือที่สะท้อนภาพถึงเขื่อนกั้นน้ำที่ชาวจีนริเริ่มสร้างมากว่า 2,000 ปี ให้สอดคล้องกับเมือง Dujiangyan ที่อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำมาอย่างยาวนาน และภายในร้านสามารถบรรจุหนังสือได้มากถึง 80,000 เล่มเลยทีเดียว
--------------------
ที่มา: