Highlights
--------------------
ช่วงเวลาที่สับสนในชีวิตคนเราสามารถเกิดขึ้นได้อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะจากแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมและคนรอบตัว หรือความผิดหวังเล็กๆน้อยๆที่ค่อยก่อตัวเป็นปมใหญ่จนเกิดกว่าที่คนคนหนึ่งจะรับไว้ และในบางครั้งเราเองก็รู้สึกว่าไม่สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้เลย คงไม่มีใครเข้าใจปัญหาของเราได้อย่างถ่องแท้หากไม่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน การพยายามอยู่กับความรู้สึกที่จมดิ่งให้ได้ดูเหมือนจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว หนังสือที่เราได้รวบรวมมาในวันนี้จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงผลักดัน แรงบันดาลใจ ปลอบประโลมแด่ทุกคนที่ยังรู้สึกเคว้งกับชีวิต และสามารถหันกลับมารักตัวเองได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง
ย้อนกลับไปเมื่อเราทุกคนยังอยู่ในวัยที่เอ่อล้นไปด้วยความฝันและสนุกสนานกับการใช้ชีวิตไปวันๆ ทุกอย่างรอบตัวดูจะเปี่ยมคุณค่าไปเสียหมด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไป เมื่อไหร่กันที่เราลืมไปแล้วว่าภาพฝันจากวัยเยาว์เป็นอย่างไร เราได้ใช้ชีวิตอย่างที่วาดฝันไว้และมีความสุขกับมันจริงๆหรือ?
คนเราล้วนดำเนินชีวิตอย่างแตกต่างกันไป บ้างใช้ชีวิตตามคำชักจูง บ้างใช้ชีวิตเพื่อทำตามความคาดหวังของคนอื่น บ้างหาความสุขจากระยะเวลาสั้นๆเพื่อชดเชยความเหนื่อยล้า แต่ใครบ้างที่สามารถใช้ชีวิตตามที่ตัวเองปรารถนาได้โดยไม่หลงลืมเป้าหมายของการมีชีวิตของตัวเองไปจนหมดสิ้น
“The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง” จะเป็นหนังสือที่ชวนให้เราได้กลับมาฉุกคิดทบทวนกับเป้าหมายของการใช้ชีวิตของเราได้เป็นอย่างดีกับคำถาม 3 ข้อง่ายๆอย่าง เหตุใดคุณถึงมาที่นี่ คุณกลัวตายไหม และ คุณพอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง แม้จะเป็นคำถามสั้นๆแต่ความสามารถในการตอบคำถามของแต่ละบุคคลแน่นอนว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนังสือเล่มนี้จะช่วยเฟ้นหาเป้าหมายของการใช้ชีวิต และทำให้เราย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น
to every me who I remember แด่ทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ที่ฉันจดจำ
มีคำพูดหนี่งที่บอกว่าตำแหน่งสถานะสร้างคน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องห่อเหี่ยวเมื่อตำแหน่งหรือสถานะในปัจจุบันแย่ลง “แค่เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็มีคุณค่ามากพอแล้ว” มีชีวิตอยู่ในแบบของเรา เหตุผลเท่านี้ก็เพียงพอต่อการมีชีวิตอยู่แล้ว
การใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ผ่านพ้นไป ย่อมมีวันที่รู้สึกเหี่ยวเฉาและอ่อนล้า ความคิดในอดีตที่หวนกลับมาทำให้เรารู้สึกจมดิ่งกับความรู้สึก หากจะมีใครสักคนได้อยู่เคียงข้างและพร้อมรับฟังคงจะช่วยบรรเทาความรู้สึกนี้ไปได้บ้าง แต่ครั้นจะปริปากก็ไม่อยากให้เขาล่วงรู้เรื่องของเรามากจนเกินไป “Twoego” นักเขียนหนังสือเล่มนี้จะนำเสนอมุมมองชีวิตในแบบใหม่ ส่งผ่านข้อความปลอบโยนดีๆแด่ทุกคนที่รู้สึกเจ็บปวดกับการใช้ชีวิต ปลอบโยนคนที่รู้สึกว่ากำลังยืนอยู่ลำพังท่ามกลางโลกใบใหญ่อันแสนโหดร้าย
“to every me who I remember แด่ทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ที่ฉันจดจำ” เป็นอีกหนึ่งหนังสือที่ชวนให้ผู้อ่านรู้สึกร่วมได้เป็นอย่างดี ชวนให้ตกตะกอนความคิดและปลอบประโลมให้ผู้อ่านรู้สึกดีกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันมากขึ้น แถมหนังสือเล่มนี้ยังเป็นหนึ่งในลิสต์ #แจบอมอ่าน แฮชแท็กอันโด่งดังจากลีดเดอร์วงบอยแบนด์เกาหลีสุดฮอตอย่าง “GOT 7” ที่ทำให้กระแสวงการหนังสือในไทยกลับมาคึกคัก และสร้างสีสันให้เหล่าบรรดาแฟนคลับเฟ้นหามาอ่านตามกันอย่างครึกครื้น
Don’t Get My Heart Hurt อย่าให้ใจเราเจ็บ
เราอยากรู้ว่าหัวใจเริ่มหนักอึ้งตอนไหน ร้าวราญตอนไหน ทำไมถึงร่วงหล่น ความรู้สึกเหงา เศร้า ผิดหวัง ว่างเปล่า เคว้งคว้าง ก็ทำให้หัวใจนั้นหนักอึ้งพิกล
หนังสืออีกหนึ่งเล่มจากแฮชแท็ก #แจบอมอ่าน โดยตัวเนื้อหาจะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ ทั้งจากตัวเอง คนรอบข้าง และสังคม ในตัวเล่มจะแบ่งออกเป็นบทๆหรือเรื่องสั้นตามสถานการณ์ต่างๆที่มนุษย์เราสามารถพบเจอได้ โดยผู้เขียน ”ซอลเลดา” ได้เลือกหยิบเจ้ากระต่ายสีเหลืองนามว่า “ซอลโท” มาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักและถ่ายทอดเหตุการณ์ โดยใช้หลักจิตวิทยาเพื่อการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าคุณจะกำลังรู้สึกว้าวุ่น เศร้า เหงา หรือรู้สึกว่ากำลังทำใครหล่นหายไปจากชีวิต หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณหันกลับมารักตัวเองและเข้าใจความรู้สึกของผู้คนในแง่มุมต่างๆได้อย่างแยบคายมากขึ้นอย่างที่เรียกได้ว่าอ่านจบแล้ว Heart จะไม่ Hurt อย่างแน่นอน
Into the magic shop เราทุกคน ล้วนมีร้านเวทมนตร์ อยู่ในใจ
Into the magic shop เป็นหนังสือที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจและช่วยหาพื้นที่สงบในจิตใจสำหรับคนที่กำลังสับสนกับการใช้ชีวิตอยู่ได้ ภายในตัวเล่มจะบอกเล่าชีวประวัติของ ดร.เจมส์ อาร์ โดตี (Dr.James R. Doty) ศัลยแพทย์ที่เคยตกระกำลำบากในวัยเยาว์และไม่ย่อท้อต่อชีวิตจนกระทั่งกลายเป็นคุณหมอที่ทุกคนรัก หากจะเขียนถึงชีวประวัติของตัวเองเพียงอย่างเดียวคงไม่เท่าให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือยอดฮิตที่ถูกแปลไปกว่า 27 ภาษาทั่วโลก แถมยังเป็นหนังสือที่องค์ดาไลลามะยกย่องอีกด้วย
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การเล่าประวัติของตัวเองของคุณหมอเจมส์โดยผสมผสานกับความแฟนตาซีและถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจลงไปด้วย เจมส์ใช้จุดพลิกผันในชีวิตตัวเองมาเป็นแก่นในการดำเนินเรื่อง สอดแทรกวิธีรับมือกับนานาปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทำจิตใจให้สงบ การโฟกัสกับสิ่งที่ต้องการในชีวิตอย่างชัดเจน กล้าที่จะฝันและมุ่งทำสิ่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ
Into the magic shop ยังเป็นหนังสือที่เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมากมายอย่าง “คิมนัมจุน” จากวงบอยแบนด์เกาหลีชื่อก้องโลก “BTS” ที่ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง "Magic Shop" เพื่อเยียวยาและดูแลจิตใจผู้คนอีกด้วย
ภัคสุภา รัตนภาชน์
หล่อหลอมตัวเองด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมรอบโลก อาหาร และผู้คน
--------------------
อ้างอิง: