Highlights
--------------------
หลังจากมีข่าวลือมาหลายปีในที่สุด Saint seiya ภาคคนแสดงจากค่าย Universal ก็มีข่าวคราวออกมาให้ยลโฉม นอกจากประกาศดารานักแสดงภายในเรื่อง ยังประกาศด้วยว่าเสร็จสิ้นการถ่ายทำปิดกล้องไปแล้ว คาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่เกิน 1-2 ปีคงพร้อมออกมาให้ทั่วโลกได้รับชม ปลุกกระแสความยิ่งใหญ่และตำนานพลังคอสโม่ขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ชื่อเซนต์เซย่าอาจไม่คุ้นหูนัก ด้วยการ์ตูนต้นฉบับมีการตีพิมพ์และเผยแพร่ขึ้นมาในปี 1986 เช่นเดียวกับฉบับอนิเมชั่นที่มีการฉายครั้งแรกในไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี 1988 ก่อนสถานีโทรทัศน์ยูบีซีจะนำมาฉายอีกครั้งในปี 2004 นับเป็นเวลายาวนานหลายสิบปี นั่นทำให้เนื้อหาการ์ตูนขาดความร่วมสมัยจนคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยให้ความสนใจ
กระนั้นการเกิดขึ้นของการ์ตูนภาคแยกทั้งหลายตั้งแต่ภาค Episode G และ Lost canvas ต่างได้รับความนิยมในหมู่แฟนคลับพอสมควรจนแตกย่อยเนื้อหาออกมาได้มากมาย หรือจะเป็นการนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นใหม่ทั้งในภาค Legend of Sanctuary กับ Knight of Zodiac แสดงให้เห็นว่าแฟนคลับที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้ยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
การมีภาพยนตร์คนแสดงจากฝีมือฮอลลีวูดควรเป็นเรื่องน่ายินดีโดยเฉพาะสำหรับแฟนการ์ตูน นอกจากตัวการ์ตูนที่เรารักจะได้ออกมาโลดแล่นมีชีวิตในโลกจริง ยังอาจช่วยปลุกกระแสความนิยมให้คนกลับมาสนใจ แต่หลายคนยังพากันกังขา แม้นักแสดงและทีมงานต่างมีชื่อเสียงในด้านดีกลับไม่ทำให้แฟนการ์ตูนไว้ใจเท่าไหร่นัก
หากถามว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้นคงต้องตอบว่าเพราะแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นมีประวัติไม่สวยหรูกับฮอลลีวูดสักเท่าไหร่
ภาพยนตร์จากการ์ตูนกับเส้นทางแห่งความล้มเหลวของฮอลลีวูด
เซนต์เซย่าไม่ใช่การ์ตูนเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมจนถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงโดยตะวันตก ความพยายามเหล่านี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง สามารถย้อนกันไปได้ไกลถึงช่วงปี 1991 ด้วยภาพยนตร์ The Guyver นำค็อนเซ็ปของ กายเวอร์ การ์ตูนไซไฟ-แอคชั่นชื่อดังมาดัดแปลง เช่นเดียวกับภาพยนตร์ Fist of the North Star ในปี 1995 ที่นำเอาเนื้อหาจากการ์ตูนในชื่อเดียวกัน หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ ออกมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม
หรือความพยายามครั้งใหญ่ของ 20th Century Fox ในการนำการ์ตูนชื่อดังอย่าง Dragon ball มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ Dragonball Evolution ในปี 2009 ที่ได้ โจวเหวินฟะ ดาราฮ่องกงชื่อดังร่วมแสดงแต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย บ่อเกิดแห่งความรังเกียจและอคติที่แฟนการ์ตูนญี่ปุ่นมีต่อฮอลลีวูด เพราะการ์ตูนในตำนานของของพวกเขาถูกนำไปยำเสียป่นปี้ นำไปสู่คะแนนรีวิว 3.6 ในเว็บ Rotten tomato และ 2.5 คะแนนในเว็บไซต์ Imdb
ความย่ำแย่และคุณภาพของภาพยนตร์เหล่านี้ล้วนเป็นที่โจษจัน สองเรื่องก่อนอย่างกายเวอร์และหมัดเทพเจ้าดาวเหนือด้วยความเป็นหนังทุนต่ำ ไม่ได้เข้าโรงหรือส่งออกฉายทั่วโลกเป็นแค่ภาพยนตร์ Home Video คุณภาพของานสร้างในทุกส่วน ตั้งแต่บท เนื้อเรื่อง ไปจนฉากแอคชั่นแม้พังพินาศทุกส่วนจนไม่มีใครอยากพูดถึง แต่ก็ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง
แตกต่างจากกรณีของดราก้อนบอลที่ถูกโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก จากกระแสความนิยมในการ์ตูนจากแฟนคลับทั่วโลกจึงพากันสนใจ ก่อนได้เข้าไปรับทราบภายในโรงว่าคุณภาพงานหรือเนื้อหาล้วนเละเทะ ไม่มีส่วนใกล้เคียงกับดราก้อนบอลที่พวกเขารักแม้แต่นิดเดียว เนื้อหาภายในเรื่องแตกต่างไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ทำลายเสน่ห์และหัวใจจากการ์ตูนเรื่องโปรดของมหาชนไปหมดสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะสร้างความหัวร้อนให้แฟนคลับทั้งหลาย
สิ่งที่ตามมาคือคำวิจารณ์อุดหนาฝาคั่งทั้งจากผู้ชมทั่วไปและแฟนคลับ หลายคนพากันสาปส่งถือว่าดราก้อนบอลไม่เคยมีฉบับคนแสดงมาก่อน ยิ่งหลังการเข้าฉายไม่นานมีข่าวลือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีภาคต่อทำให้กระแสต่อต้านยิ่งรุนแรง นำไปสู่การเก็บรายได้เพียง 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากตลาดโลก เช่นเดียวกับเกมจากภาพยนตร์ที่ขายไปได้เพียง 1,000 แผ่น
นี่เองคือบ่อเกิดแห่งอคติและคำปรามาสว่าฮอลลีวูดไม่มีทางนำการ์ตูนญี่ปุ่นไปดัดแปลงเป็นหนังที่ดีได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้แต่กับประเทศแม่แบบอย่างญี่ปุ่นเอง จากการเปลี่ยนการ์ตูนให้กลายเป็นความจริง
ความล้มเหลวของฮอลลีวูดนับว่าเด่นชัดแต่เมื่อลองมองย้อนกลับมาถึงต้นตำรับ กระทั่งภายในญี่ปุ่นนี่ก็เป็นประเด็นน่าสนใจเพราะแม้อยู่ในมือของชาวญี่ปุ่น ภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนหลายเรื่องก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือได้รับเสียงชื่นชมทั้งหมด บางเรื่องอาจประสบความสำเร็จดังระเบิดแต่บางเรื่องก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ดุเดือดไม่แพ้กัน
ภาพยนตร์จากการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ชื่อแรกที่คอการ์ตูนนึกถึงคงเป็น Ruroni Kenshin หรือ ซามูไรพเนจร ด้วยเนื้อหาที่หยิบเอาเหตุการณ์หลังการล่มสลายของระบบโชกุนมาถ่ายทอด อาศัยตัวละครอิงประวัติศาสตร์ ความเข้าใจต่อบทบาทและเนื้อหาเด่นชัด เคารพเนื้อหาต้นฉบับเท่าที่ภาพยนตร์จะทำได้ สำคัญที่สุดคือฉากแอคชั่นฟันดาบสุดมันส์ สร้างรายได้ถล่มทลายจนถูกเข็นออกมาถึง 5 ภาค
อีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ Death note สมุดโน้ตกระชากวิญญาณ ก็กวาดโกยรายได้ไปมากมาย จากการถ่ายทอดเนื้อหาออกมาเข้มข้นไม่แพ้ต้นฉบับ แม้มีการดัดแปลงตอนจบจากเดิมไปบ้างแต่ได้รับเสียงชื่นชมไม่ขาด นั่นทำให้ภายหลังเนื้อหาหลักจบลงในภาค 2 แต่ยังมีการเพิ่มเติมเนื้อเรื่องขึ้นมาอีกสองภาค นั่นคือ L change the world และ Death Note: Light Up the New World ที่สร้างฉลองครอบรอบ 10 ปี กับรายได้เปิดตัว 500 ล้านเยนก็ยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
แต่นอกจากความสำเร็จเองก็มีเบื้องหลังการล้มเหลวมากมายไม่แพ้กัน ตั้งแต่ Terra Formars การ์ตูนแอคชั่น-ไซไฟที่เมื่อถูกนำมาลงคนแสดง ทั้งคุณภาพเนื้อหา ฉาก และงานสร้างที่ควรเป็นบรรยากาศดาวอังคารดูขาดความสมจริง, Fullmetal Alchemist หนึ่งในการ์ตูนยอดเยี่ยมตลอดกาล เมื่อกลายเป็นภาพยนตร์คนแสดงกลับออกมาขัดตาจากฉากหลังในเรื่องเอง หรือ Attack on Titan เองก็ถูกดัดแปลงเนื้อหาออกมาเละเทะไม่มีชิ้นดีจนแฟนคลับสาปส่งไม่แพ้กัน
ดังนั้นจะว่าฮอลลีวูดฝั่งเดียวคงไม่ถูกเมื่อความจริงแล้วการดัดแปลงการ์ตูนสู่ภาพยนตร์แท้จริงไม่ใช่งานง่ายเลย
ความแตกต่างระหว่างตัวการ์ตูนและความจริง ความยากในการถ่ายทอดกับการสร้างสมดุลให้เนื้อเรื่อง
การ์ตูนถูกสร้างขึ้นมาจากปลายปากกาของอาจารย์ผู้เขียน ทั้งหมดกลั่นกรองออกมาจากสมองถ่ายทอดลงบนหน้ากระดาษ จึงถือเป็นงานที่มีอิสระในด้านออกแบบสร้างสรรค์สอดแทรกจินตนาการเข้าไปได้ง่าย เพราะพวกเขาสามารถสร้างโลกแบบใดก็ได้ขึ้นมาด้วยสองมือ ขอแค่ผู้อ่านยอมรับและสนุกสนานไปด้วยได้ย่อมไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น
กลับกันในส่วนงานภาพยนตร์นั้นไม่ใช่ เมื่อนี่เป็นการทำงานกับผู้คน อาศัยการสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาในกองแล้วถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์ม ดังนั้นเนื้อหาส่วนมากของพวกเขาจึงจำเป็นต้องใกล้เคียงของจริง เพราะยิ่งเป็นสิ่งเหนือจินตนาการเท่าไหร่ ความยากในการถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจออกมาเป็นภาพจริงก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
ความแตกต่างของงานสื่อสองแขนงนี้เองเมื่อต้องนำมารวมกันเป็นหนึ่งจึงกลายเป็นปัญหา ตั้งแต่ส่วนของเนื้อหาภายในการ์ตูนแต่ละเรื่องเอง ตัวอย่างเช่น การ์ตูนคลาสสิกอย่าง Doraemon ตัวละครโนบิตะในการ์ตูนจะมีภาพลักษณ์เช่นไร กับการเข้าไปแอบดูชิสึกะอาบน้ำนับครั้งไม่ถ้วน หรือความแก่แดดของชินจังใน Crayon Shin-chan คงไม่ใช่เรื่องขำขันเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเด็กที่มีตัวตนจริง
ถ้าให้เจาะจงกว่านั้นอย่างเนื้อหาภายในดราก้อนบอลเอง เมื่อเราลองเรียงลำดับเนื้อเรื่องจะเต็มไปด้วยความสับสนงงงวย กับโลกที่ยินดีให้เด็กตัวนิดเดียวถูกซ้อมเลือดสาดกลางงานถ่ายทอดสดระดับโลก มีจอมปีศาจผู้ถูกผนึกลงไปในหม้อหุงข้าว การทำลายดวงจันทร์และดาวเคราะห์เป็นว่าเล่น คงเป็นโลกแปลกประหลาดเกินจินตนาการน่าดูในความเป็นจริง
นี่ยังไม่รวมถึงดารานักแสดงที่รับบทบาทตัวการ์ตูนในดวงใจ แน่ล่ะพวกเขาจะเป็นที่รู้จักและพูดถึงในชั่วข้ามคืนที่ประกาศแต่ย่อมตามมาด้วยความกดดัน ทั้งในส่วนการแสดง การสวมบทบาท หรือลักษณะภายนอกต่างๆ นั่นทำให้การคัดเลือกนักแสดงที่มีองค์ประกอบเหล่านี้พร้อมสรรพใกล้เคียงกับตัวละครดั้งเดิมยากขึ้นไปอีก
มากไปกว่านั้นคือทีมผู้สร้างอาจไม่เข้าใจเรื่องราวหรือแก่นจากการ์ตูนต้นฉบับ ทั้งที่ความจริงการเลือกทีมงานผู้สร้างสมควรใช้แฟนคลับที่เคยอ่าน เข้าใจ และรักในการ์ตูนเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ถ่ายทอดเนื้อหาออกมาใกล้เคียงต้นฉบับที่สุดแต่ก็มีผู้ละเลยในส่วนนี้ อย่างกรณีของ Dragonball Evolution เอง ที่มือเขียนบท Ben Ramsey ออกมายอมรับว่าเขาไม่มีความเข้าใจในการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่เคยแม้กระทั่งอ่านต้นฉบับมาก่อนด้วยซ้ำ มีหรือจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้ดีได้
หรือต่อให้มีทีมสร้างมือทองที่รักและเข้าใจเนื้อหาจากการ์ตูนเรื่องดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีเสมอไป ด้วยภาพยนตร์ถูกจำกัดเนื้อหาให้บอกเล่าทุกอย่างไว้ภายในเวลาราว 2 ชั่วโมง แต่การ์ตูนชื่อดังหลายเรื่องมีจำนวนเล่มค่อนข้างมาก อย่างดราก้อนบอลก็มีเนื้อหา 42 เล่ม เช่นเดียวกับวันพีชที่จำนวนทะลุ 100 เล่มไปแล้ว
การหยิบยกเอาเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งมาเล่าจึงเป็นเรื่องยาก การ์ตูนบางเรื่องต้องใช้เวลาปูพื้นเพสร้างความเข้าใจให้เราเติบโตไปพร้อมกัน แต่ภาพยนตร์ไม่มีเวลาพอทำแบบนั้นจึงจำเป็นต้องรวบรัดตัดทอนเนื้อหาบางส่วนไป สมดุลระหว่างการตัดบทรวบรัดเนื้อเรื่องในเวลาอันจำกัด กับรักษาหัวใจและความสนุกจากต้นฉบับไว้คือโจทย์หินสุดสำหรับทีมงาน เมื่อพวกเขาไม่สามารถละเลยส่วนไหนได้หากต้องการให้มันเป็นผลงานภาพยนตร์ที่ดี
นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้การสร้างสภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนเป็นเรื่องยาก บางครั้งเราจำเป็นต้องเข้าใจว่าเหตุใด การหยิบจับนำการ์ตูนมาถ่ายทอดลงบนจอแก้วจึงออกมาไม่ได้อรรถรสเท่าต้นฉบับ เมื่อเนื้อแท้มันคือสื่อคนละประเภท มีจุดหมายและรูปแบบนำเสนอที่แตกต่าง บางครั้งเราจึงต้องทำใจไว้ล่วงหน้าในการรับชมภาพยนตร์เหล่านี้
กระนั้นก็ไม่สมควรจะหมดหวังเมื่อเราเห็นอยู่กับตาว่า ผู้กำกับหลายคนต่างถ่ายทอดดัดแปลงเนื้อหาจากการ์ตูนออกมาได้ดีเยี่ยม สร้างผลงานให้บรรดาแฟนคลับสรรเสริญยกย่องไม่ขาดปาก ตัวอย่างเช่น Ruroni Kenshin อันลือลั่น หรือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล ล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือแฟนคลับที่เข้าใจและรักในการ์ตูนจนสร้างผลงานชั้นยอดออกมาได้สำเร็จ
หรืออย่างในกรณีเซนต์เซย่าเองก็ได้ทีมงานนักแสดงชั้นนำล้วนมีชื่อเสียง เซย่าตัวเอกก็มีดารานำแสดงเป็นชาวเอเชียอย่าง Mackenyu ที่ผ่านงาน Ruroni Kenshin ภาคล่าสุด, Madison Iseman จากภาพยนตร์ Jumanji : The Next Level รวมถึงดาราอาวุโสที่คอหนังคุ้นหน้าอย่าง Famke Janssen และ Sean Bean(ที่แค่เราเห็นหน้าก็เดาชะตากรรมของเขาได้)
นั่นทำให้เราพอคาดหวังจากเซนต์เซย่าฉบับคนแสดงได้บ้างในด้านความน่าสนใจ ที่เหลือก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่ดัดแปลงเนื้อหาให้เพี้ยนจากต้นฉบับเกินไป รักษาความสนุกตื่นเต้นแบบที่เราคุ้นเคยในวัยเด็กไว้ให้ได้ ประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ทั้งเพื่อตัวแฟนคลับเซนต์เซย่าเองหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆ
จากนี้เราคงต้องรอชมทั้งตัวอย่าง ภาพจากการถ่ายทำ หรือตัวภาพยนตร์ฉบับเต็มเสียก่อนจึงจะตัดสินได้ว่ามันจะออกมาหน้าไหน เพราะไม่แน่ว่าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จขึ้นมา อาจเป็นหนทางให้ภาพยนตร์จากการ์ตูนญี่ปุ่นปูทางความยิ่งใหญ่ เป็นกระแสได้รับความนิยมกว่ามาร์เวลหรือสตาร์วอร์ในอนาคตก็เป็นได้
เกรียงไกร เรืองทรัพย์เดช
--------------------
ที่มา: