svasds
News Hub
svasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

เมื่อการ์ตูนไม่ได้แค่ขาย ‘หัวเราะ’

ทำไม ททท. จึงเลือกใช้การ์ตูน ‘ขายหัวเราะ’ โปรโมตการท่องเที่ยว? .. ย้อนรอยประวัติศาสตร์การ์ตูน เมื่อมันไม่ได้มีดีแค่ความสนุก แต่คืออาวุธลับของสงคราม สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ และกลยุทธ์ทางการตลาดที่โด่งดังไปทั่วโลก

          เรื่องราวทรงพลังของ ’ตัวการ์ตูน’ ในโลกของ ‘คน’  กับมนุษย์หินฟลินท์สโตนส์ ซูเปอร์แมน เจ้าหนูปรมาณู คุมะมง และบ.ก.วิติ๊ด

 

          ภาพของ บ.ก.วิติ๊ด นั่งบนเรือที่อัดแน่นไปด้วยคาแรคเตอร์การ์ตูนในแบบที่ ‘เห็นปุ๊บ’ ‘รู้ปั๊บ’ ว่ามาจากไหน ผสมกับแก๊กขำขันที่ยังคงเอกลักษณ์ของ ‘ขายหัวเราะ’ พ่วงด้วย ‘สตอรี่’ ของ ‘เกาะขายหัวเราะ’ ที่มีจริงไม่ใช่แค่เพียงภาพในการ์ตูน คือส่วนประกอบในแคมเปญล่าสุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด ที่ได้รับการพูดถึงอย่างล้นหลามในสังคมออนไลน์และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในด้านการเป็นที่จดจำ

การ์ตูนขายหัวเราะกับแคมเปญเชิญชวนท่องเที่ยวจังหวัดตราด           ถ้าพูดถึงการใช้การ์ตูนสำหรับโฆษณา มันมีมายาวนานหลายทศวรรษ และถ้ายิ่งขุดลึกลงไปก็จะพบว่าตามประวัติศาสตร์ทั่วทุกมุมโลก การ์ตูนมีบทบาทเล็ก ๆ แต่สำคัญไม่น้อยในประวัติศาสตร์โลกอยู่เสมอ!

 

การ์เมืองการตูน เอ้ย! การ์ตูนการเมือง
          คำว่า ‘Cartoon (การ์ตูน)’ ถือกำเนิดขึ้นในยุคกลาง แรกเริ่มความหมายของคำในภาษาอิตาลีนี้แปลว่าการวาดสเก็ตช์ลงบนกระดาษแข็ง  ต่อมาในปี ค.ศ.1843 นิตยสารตลกรายสัปดาห์ของประเทศอังกฤษที่ชื่อว่า Punch ได้สร้างคำจำกัดความขึ้นมาใหม่  คำว่า ‘Cartoon’ ในยุคหลังจึงหมายถึงภาพวาดที่ให้ความรู้สึกตลกขบขันและสนุกสนาน  คำจำกัดความใหม่นี้เองที่ทำให้ความรู้สึก ‘สนุก’ ของผู้อ่านกลายเป็น ‘หัวใจสำคัญ’ ของการสร้างการ์ตูนในเวลาต่อมา
          ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องการเมือง ประเทศอังกฤษคือเจ้าพ่อของวงการ ‘การ์ตูนการเมือง’ มาตั้งแต่แรกเริ่ม  ถ้าพูดถึงการ์ตูนการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก  ทุกคนต้องรู้จักกับ The Plum-Pudding in danger ของเจมส์ กิลเรย์ ที่วาดล้อเลียนผู้นำทางทหารของฝรั่งเศส นโปเลียน โบนาปาร์ต และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ วิลเลียม พิตต์ กำลังใช้ส้อมและมีดจิ้มและเฉือนลูกโลกบนโต๊ะอาหาร! 
The Plum-Pudding in danger การ์ตูนการเมืองชิ้นเอก ผลงานของเจมส์ กิลเรย์

          คนอังกฤษในยุคนั้นแค่เห็นรูปนี้ก็คงจะรู้สึกตลกร้ายลึก จึกเข้าไปในใจ!  


          เพราะตำแหน่งของส้อมและมีดนั้นเสียดสีถึงสงครามระหว่างฝรั่งเศสและอังกฤษได้อย่างร้ายกาจ ส้อมในมือของนายกรัฐมนตรีอังกฤษแสดงให้เห็นถึงอำนาจของกองเรือในมหาสมุทรที่แข็งแกร่ง แต่กลับอยู่ไกลออกไปจากประเทศของตนเอง ในขณะที่ฝรั่งเศสเฉือนเอาแผ่นดินภาคพื้นทวีปยุโรป ที่ฉิวเฉียดแผ่นดินอังกฤษอย่างจัง!  มองไปที่สายตาของนายกรัฐมนตรีอังกฤษในภาพการ์ตูน ก็จะได้เห็นถึงความหวาดกลัวของอังกฤษที่มีต่ออำนาจของฝรั่งเศสอย่างชัดเจน!

รูปที่ลงในนิตยสาร Japan Punch           ทางฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้า ที่ประเทศญี่ปุ่นดินแดนของ ‘Manga (มังงะ)’  ก็เติบโตมาจากการ์ตูนการเมืองเช่นกัน  โดยเฉพาะในปี ค.ศ.1858 เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศทำการค้ากับชาติตะวันตก คนญี่ปุ่นจึงได้รู้จักกับนิตยสารที่ชื่อว่า Japan Punch   เนื้อหาในเล่มนี้เต็มไปด้วยมุขตลกเสียดสีสะท้อนถึงความยุ่งยากของการทำมาค้าขายกับชาวตะวันตก ที่สำคัญไปกว่านั้นคือนิตยสารเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนและศิลปินจำนวนมากผลิตงานการ์ตูนที่ออกมาเสียดสีรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างสนุกสนาน!

 

สงครามโลกครั้งที่ 2 VS ซูเปอร์แมน
          ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ.1939 จะอุบัติขึ้น การ์ตูนก็ค่อย ๆ ไต่ความนิยม และได้ขยายวงกว้างไปถึงเด็กๆ  ซึ่งเป็นตลาดใหม่และตลาดใหญ่ยักษ์   มีการ์ตูนสำหรับเด็กชื่อดังมากมายถือกำเนิดขึ้นในช่วงนี้  ที่คนไทยรู้จักดี เช่น ‘การผจญภัยของตินติน’ ผลงานของนักเขียนการ์ตูนชาวเบลเยียมที่โด่งดังไปทั่วยุโรป ซึ่งตินตินได้รับการแปลมากกว่า 80 ภาษาและมียอดขายไม่ต่ำกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน  

 

          ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของการ์ตูนในสหรัฐอเมริกา อาจเป็นเพราะว่าสหรัฐไม่ใช่สนามรบหลัก จึงคงเหลือพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์งานซึ่งแตกต่างจากแผ่นดินยุโรป  ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาก็มีหนังสือการ์ตูนชื่อว่า ‘The Funnies’ ซึ่งได้รับความนิยมอยู่มากเช่นกัน แต่ก็ไม่เท่ากับช่วงการเกิดสงคราม... 

 

          เพราะเป็นช่วงเวลาที่อเมริกาให้กำเนิด ‘ซูเปอร์แมน’ 


          ‘ซูเปอร์แมน’ เป็นการ์ตูนแนวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกจากดีซี คอมิกส์ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ถือกำเนิดขึ้นก่อนหน้าการเกิดสงครามแค่เพียงหนึ่งปี มีการวิเคราะห์กันมากมายว่าในสมัยนั้นซูเปอร์แมนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องของสงครามหรือไม่?

 
          ในขณะที่การ์ตูนหลายเรื่องถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลสำหรับการทำสงครามอย่างโจ๋งครึ่ม อย่างเช่น Der Fuehrer’s Face ที่สร้างขึ้นโดยวอลท์ ดิสนีย์  มีเนื้อหาโจมตีอุดมการณ์ของนาซีเยอรมันโดยตรง หรือ The New Spirit ที่มีตัวการ์ตูนโดนัลด์ ดั๊ก เชิญชวนให้ประชาชนอเมริกันจ่ายภาษี เพื่อจะนำไปสนับสนุนสงคราม ...  ซูเปอร์แมนกลับเลือกที่จะทำหน้าที่ต่างออกไป 


          “On my world, it’s mean HOPE” 


          คือประโยคที่ซูเปอร์แมนตอบคำถามเกี่ยวกับความหมายรูปตัว S บนหน้าอกของเขา  ในภาษาของดาวคริปตัน บ้านเกิดของซูเปอร์แมน ตัว S มีความหมายว่า ‘ความหวัง’  ซึ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของการ์ตูนเรื่องนี้  

ตัว S บนหน้าอกของซูเปอร์แมนมีความหมายว่า ‘ความหวัง’           แม้เนื้อหาของซูเปอร์แมนจะไม่เคยมีเรื่องการต่อกรระหว่างซูเปอร์แมนกับฝ่ายนาซีให้เห็น และไม่มีเรื่องราวร้ายกาจของสงคราม แต่เนื้อหาของการ์ตูนที่ทำให้ผู้อ่านมี ‘ความหวัง’ ว่าจะมีฮีโร่มาช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ และต่อกรกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นคือกลวิธีชั้นดีที่ทำให้ชาวอเมริกันสามารถรับมือกับภาวะสงครามที่ไม่รู้ว่าจะแพ้หรือชนะได้


    
เจ้าหนูปรมาณู พลิกชะตา ‘ญี่ปุ่น’ หลังสงคราม สู่การเป็นเจ้าแห่งการ์ตูน
          ในทางตรงกันข้าม มีการ์ตูนบางเรื่องที่ได้มอบ ‘ความหวัง’ ให้กับผู้คนในสงครามแต่สะท้อนออกมาในมุมมองของฝ่ายที่พ่ายแพ้อย่าง ‘เจ้าหนูปรมาณู’ การ์ตูนเรื่องเยี่ยมที่กลายเป็นตำนานจากญี่ปุ่น

เจ้าหนูปรมาณู ผลงานชิ้นเอกของญี่ปุ่น           วิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกจำกัดสิทธิหลายอย่าง โดยเฉพาะสิทธิในการพูดและแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับการปกครองในรูปแบบเดิม ห้ามพูดเรื่องสงคราม รวมไปถึงผลจากสงคราม  แต่การ์ตูนเป็นสื่อที่ไม่ถูกจำกัดสิทธิ  โดยเฉพาะการ์ตูนที่ออกมาพูดถึง ‘ความหวัง’ ในการสร้างชาติที่ดีกว่าเดิมขึ้นใหม่อย่าง ‘เจ้าหนูปรมาณู’ ของเทนซุกะ โอซามุ

 

          เจ้าหนูปรมาณูเล่าเรื่องราวของหุ่นยนต์เด็กสุดแสนน่ารักที่มาพร้อมกับดวงตากลมโต เด็กชายถูกสร้างขึ้นมาทดแทนลูกชายของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่เสียชีวิต  เรื่องราวดำเนินไปบนพื้นฐานของตัวละครหลักที่ใช้พลังพิเศษช่วยเหลือผู้คน และต้องการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น  

 

          การถือกำเนิดของการ์ตูนสายซูเปอร์ฮีโร่ในช่วงสงครามนี้ส่งผลต่อความคิดของผู้คน มีการพูดถึงในเชิงจิตวิทยาว่าสาเหตุที่การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ได้รับความนิยม ไม่ใช่เพราะคนอยากจะมีพลังพิเศษ แต่คนอยากจะเป็นฮีโร่!

 

          ตัวการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมจึงมักจะมีพื้นฐานตัวละครแบบสูตรสำเร็จอยู่สามแบบหลักๆ คือ เป็นตัวละครที่สามารถเอาชนะอุปสรรค ต่อสู้กับการสูญเสีย และค้นพบกับความเข้มแข็งในตัวเองที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้

 

เมื่อ ‘การ์ตูน’ ขยับ โลกก็ ‘ขยับ’
          มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ กล่าวว่าการ์ตูนสามารถเชิญชวนให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่าการใช้ภาพจริง เพราะการ์ตูนสามารถดึงดูดคนให้อยู่กับเรื่องได้มากกว่า และสามารถพูดเรื่องราวที่ชวนปวดหัวให้เข้าถึงได้ง่าย


          การ์ตูนจึงถูกนำมาใช้ในแง่มุมต่างๆ อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง เศรษฐกิจ การคอร์รัปชั่น ศาสนาหรือแม้แต่ประเด็นเรื่องเพศ  หากใครเป็นแฟน ‘มังงะ’  จะรู้ว่าการ์ตูนของญี่ปุ่นมีการ์ตูนประเภทชายรักชาย ซึ่งมีมานานแล้วตั้งแต่ปีทศวรรษที่ 1970

 

          ในด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็มีการใช้การ์ตูนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกิดการ์ตูนขยับได้ หรือที่เรียกว่า ‘แอนิเมชัน’

 

          แอนิเมชันมาพร้อมกับโทรทัศน์ เมื่อแทบทุกบ้านมีโทรทัศน์ มันจึงเป็นช่องทางชั้นดีของการโฆษณา ในช่วงทศวรรษที่ 1960 บุหรี่ยี่ห้อหนึ่งตัดสินใจเป็นสปอนเซอร์ให้แก่การ์ตูนชื่อดัง ‘มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์’  การ์ตูนแอนิเมชันเรื่องแรกที่ได้ฉายทางโทรทัศน์  ภาพมนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์สูบบุหรี่ปรากฏบนจอ และไม่รอดที่จะกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสมเพราะเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก

มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์กับโฆษณาสูบบุหรี่ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์           แม้โฆษณาจะได้รับผลตอบรับที่ไม่ค่อยดีนัก แต่การวิจารณ์อย่างกว้างขวางนี้ทำให้รู้ว่า โลกของการ์ตูนขยับโลกของคนได้มากเพียงใด .. หลังจากนั้นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงต่างถูกว่าจ้างให้โฆษณาสินค้าไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง รวมไปถึงมีการสร้างคาแรคเตอร์การ์ตูนขึ้นมาใหม่เพื่อผลทางด้านโฆษณาโดยเฉพาะ

 

การ์ตูน กระตุ้น เศรษฐกิจ
          ที่ญี่ปุ่นมีคำว่า ‘Yura-chara’  ใช้เรียกคาแรคเตอร์ของการ์ตูนที่สร้างขึ้นเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวในเมืองต่าง ๆ     คาแรคเตอร์การ์ตูนที่สุดจะโดดเด่นตัวหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ ‘คุมะมง’ เจ้าหมีดำที่มีรอยแต้มวงกลมสีดำบนแก้มทั้งสองข้าง ทำหน้าที่โปรโมตการท่องเที่ยวในเขตเมืองคุมาโมโตะ ความน่ารักแสนซนของคุมะมงทำให้ได้รับการโหวตความนิยมสูงที่สุดในปีค.ศ.2011 จะว่าไปผู้เขียนเองก็เคยไปต่อคิวเพื่อที่จะดูเจ้าหมีคุมะมงเต้นสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน!  

คุมะมง มาสคอตชื่อดังของจังหวัดคุมาโมโตะ           ระยะเวลาเพียง 2 ปี คุมะมงทำให้เมืองคุมาโมโตะมีรายได้จากการท่องเที่ยวและการขายของที่ระลึกเป็นจำนวนเงินกว่า 3,800 ล้านบาท ซึ่งมากขึ้นกว่าเดิม 4 เท่า และคาดการณ์ว่าในปัจจุบันสามารถทำรายได้ทะลุสามหมื่นล้านบาทไปแล้ว  จากพลังของตัวการ์ตูนแค่ตัวเดียว!

 

‘ขายหัวเราะ’ ‘ขายเกาะ’ ‘ขายเมือง’
          เมื่อหันกลับมามองการใช้การ์ตูนขายหัวเราะโปรโมตการท่องเที่ยวที่จังหวัดตราดในครั้งนี้จึงน่าสนใจไม่น้อย  

 

          นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำการ์ตูนมาโปรโมทการท่องเที่ยวในไทย หากยังจำกันได้ทางวอลท์ ดิสนีย์เคยผลิตแอนิเมชันเรื่องสั้นที่มี Mickey Mouse เป็นตัวหลักของเรื่อง ในบรรยากาศตลาดน้ำในเมืองไทยซึ่งได้รับการเข้าชมจนถึงปัจจุบันกว่า 40 ล้านวิว .. แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ใช้ตัวการ์ตูนผลงานของคนไทยอย่าง ‘ขายหัวเราะ’ เข้ามาโปรโมตการท่องเที่ยว

Mickey Mouse กับฉากหลังที่เป็นตลาดน้ำในประเทศไทย           ขายหัวเราะ คือการ์ตูนไทยยุคใหม่ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2016 จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ภายใต้การบริหารงานของวิธิต อุตสาหจิต  และยังคงผลิตผลงานมาจนถึงปัจจุบัน ขายหัวเราะคือการ์ตูนแก๊กสั้น ๆ สามช่องจบ และบางครั้งก็จะมีเรื่องสั้นสอดแทรกในเล่มด้วย  

 

          ถ้าพูดถึงชื่อเสียงของขายหัวเราะก็ต้องบอกว่า ‘เหนียวแน่นหนึบ’  คนไทยส่วนใหญ่ต้องคุ้นเคยกับลายเส้นการ์ตูน สนุกสนานไปกับมุขตลก และเคยผ่านตากับภาพเกาะขายหัวเราะอย่างแน่นอน ซึ่งเกาะขายหัวเราะนี่เองที่ดันไปเหมือนกับเกาะเล็ก ๆ หลังเกาะกระดาดของจังหวัดตราดเข้า และเป็นที่มาของการสร้างจุดขายใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาเที่ยวชม

 

          การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็น ‘ความหวัง’ เดียวที่หลงเหลืออยู่ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปจนหมด   เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าการ์ตูนอย่าง บ.ก.วิติ๊ดจะประสบความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับเจ้าหนูปรมาณู ซูเปอร์แมน และคุมะมงที่เคยทำได้มาแล้วหรือไม่  อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาของประวัติศาสตร์การ์ตูนตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันก็สอนให้รู้ว่า 

 

          อย่าสบประมาทพลังของการ์ตูน เมื่อมันถูกใช้อย่างถูกจุด!

 

พีร์ญาดา ประสูตร์แสงจันทร์

--------------------

ที่มา: