ถึงเวลาที่ เรอัล มาดริด ต้องโชว์ความเป็น “ราชาแห่งการคัมแบ็ก” อีกครั้งในค่ำคืนวันพุธนี้ หากพวกเขายังหวังป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และสานฝันคว้าถ้วยใบนี้เป็นสมัยที่ 16
หลังบุกไปพ่ายแบบหมดรูป 0-3 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมในเลกแรก ลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ต้องหวังพึ่ง “พลังเบร์นาเบว” เพื่อปาฏิหาริย์ในเลกสองของรอบก่อนรองชนะเลิศกับ อาร์เซน่อล
ขณะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยังรอคอยประตูแรกจากฟรีคิกโดยตรง อาร์เซน่อลกลับมี ดีแคลน ไรซ์ ที่โชว์ทีเด็ดจากลูกตั้งเตะด้วยสองประตูสุดสวยในเวลาเพียง 12 นาที เรียกเสียงฮือฮาทั่วทั้งลอนดอน
แม้แต่ตำนานฟรีคิกอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่อยู่ในสนามวันนั้น ก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นลูกแรกที่ไรซ์ปั่นโค้งผ่านกำแพง ก่อนตามด้วยลูกยิงเสียบสามเหลี่ยมชนิดไร้ที่ติ ก่อนที่ มิเกล เมริโน่ จะเติมสีสันด้วยลูกยิงจังหวะเดียวสุดเฉียบ
ชัยชนะ 3-0 ของ “ปืนใหญ่” ถูกยกให้เป็นค่ำคืนแห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ขณะที่มาดริดแพ้เลกแรกด้วยผลต่าง 3 ประตูขึ้นไปเป็นครั้งที่ 5 ในประวัติศาสตร์ UCL โดยพวกเขาตกรอบใน 4 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ครั้งเดียวที่รอดคือตอนเจอกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ปี 1975-76 ซึ่งแพ้ก่อน 1-4 แต่กลับมาถล่มคืน 5-1
แม้แต่ แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ยังรู้ซึ้งถึงอาถรรพ์ค่ำคืนยุโรปที่เบร์นาเบว เพราะนี่ไม่ใช่สนามที่ใครจะผ่านไปง่าย ๆ ทว่าในความจริง เรอัล มาดริดเคยชนะทีมจากอังกฤษด้วยผลต่าง 4 ลูกแค่ 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ นั่นคือ 5-1 เหนือดาร์บี้ และ 4-0 กับสเปอร์สในปี 2011
เกมลีกล่าสุด มาดริดเฉือนชนะ อลาเบส แบบหืดจับ 1-0 จากประตูของ เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า ก่อนที่เอ็มบัปเป้จะโดนใบแดง ซึ่งไม่มีผลต่อการเล่น UCL แม้จะเป็นผลงานที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่ผลงานการเล่นในบ้านของ "ราชันชุดขาว" ยังไว้ใจได้เสมอ โดยพวกเขายิงประตูในบ้านได้ทุกนัดในรายการนี้ นับตั้งแต่พ่าย ซีเอสเคเอ มอสโก 0-3 เมื่อปี 2018
อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน มาดริดเสียประตูในบ้านมาตลอด 10 นัดหลังสุดของแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับอาร์เซน่อล
แม้ไม่มี ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เชซุส และ กาเบรียล มากัลเญส ในเลกแรก แต่ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ก็เล่นได้อย่างเหนือชั้น และหากผ่านเข้ารอบก็จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเข้าถึงรอบรองฯ นับตั้งแต่ปี 2009
จุดเดียวที่อาจเป็นเรื่องให้เสียดายคือ อาร์เซน่อลน่าจะยิงมากกว่านี้ในเลกแรก เพราะมีถึง 11 ลูกที่ยิงตรงกรอบ มากที่สุดที่ทีมใดเคยทำได้กับเรอัล มาดริดในรอบน็อกเอาต์ UCL
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “ปืนใหญ่” เสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 ทำให้แต้มหลุดมือ และโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจบลงหากพลาดท่าพ่ายต่อ อิปสวิช ทาวน์ สุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไร้พ่ายมา 9 เกมติดในทุกรายการ และยิงประตูได้ 8 นัดรวด มีความหวังเต็มเปี่ยมสำหรับ “ภารกิจเบร์นาเบว 2025”
ย้อนกลับไปในปี 2006 ประตูโทนสุดคลาสสิกของ เธียร์รี่ อองรี เคยพาอาร์เซน่อลบุกชนะมาดริด 1-0 และจนถึงตอนนี้ พวกเขายังไม่เคยแพ้ราชันชุดขาวในการแข่งขันทางการเลยแม้แต่ครั้งเดียว