โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องการปาฏิหาริย์แบบที่บาร์เซโลนาเคยทำไว้ หากหวังจะอยู่รอดในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยจะเปิดสนามซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ต้อนรับ “เจ้าบุญทุ่ม” ในเกมนัดสองของรอบก่อนรองชนะเลิศคืนวันอังคารนี้
ดอร์ทมุนด์ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ หลังพ่ายแพ้ยับเยิน 0-4 ในเกมแรกที่คัมป์นู โดยลูกทีมของฮันซี่ ฟลิค ก้าวขาเข้ารอบรองชนะเลิศไปครึ่งหนึ่ง รอพบผู้ชนะระหว่างอินเตอร์ มิลาน กับ บาเยิร์น มิวนิค
แม้สามประสานระดับตำนานอย่าง ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ จะยังคงเป็นที่จดจำ แต่สามแนวรุกยุคใหม่ของบาร์ซ่าอย่าง ราฟินญา, ลามีน ยามาล และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็เริ่มสร้างชื่อเสียงให้เทียบชั้นได้เช่นกัน
ทั้งสามคนมีบทบาทสำคัญในเกมแรก โดยเลวานดอฟสกี้ยิงใส่ทีมเก่าไปสองลูก ขณะที่ราฟินญาและยามาลต่างก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเช่นกัน โดยราฟินญายังทำสถิติเทียบเท่าเมสซีในการมีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลของแชมเปียนส์ลีก (19 ครั้ง)
ในขณะที่แฟนบอลบาร์เซโลน่ากำลังเริงร่า แฟนดอร์ทมุนด์กลับต้องยอมรับว่าความฝันในการเข้ารอบลึกกว่าฤดูกาลก่อนคงริบหรี่ เพราะจากสถิติ 159 ครั้งที่ทีมใดแพ้เลกแรกด้วยผลต่าง 4 ประตูขึ้นไป มีเพียง 1 ครั้งเท่านั้นที่สามารถกลับมาเข้ารอบได้ และผู้ที่เคยทำได้ก็คือ…บาร์เซโลนา เอง (คัมแบ็กพลิกชนะ เปแอสเช ปี 2017)
ความหวังของดอร์ทมุนด์ถูกลดทอนลงอีกจากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาในฤดูกาลนี้ แม้พวกเขาจะเสมอบาเยิร์น มิวนิค 2-2 ในเกมลีกล่าสุด แต่สถิติในบ้านกลับไม่ดีนัก โดยชนะเพียง 3 จาก 12 เกมหลังสุดในถิ่นของตัวเอง และหนึ่งในนั้นคือเกมพ่ายบาร์เซโลนา 2-3 ในรอบแบ่งกลุ่ม
บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของฮันซี่ ฟลิค กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรง พวกเขาไม่แพ้ใครเลยในปี 2025 รวม 24 นัดทุกรายการ ล่าสุดก็เพิ่งเฉือนเลกาเนส 1-0 ในลาลีกา และกำลังลุ้นคว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ โดยได้แชมป์ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญา ไปแล้ว และยังมีลุ้นในลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
พวกเขายังมีสถิติไร้พ่ายนอกบ้าน 16 นัดติดต่อกัน และชนะรวด 8 นัดหลังสุดเมื่อลงเล่นที่ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค อีกทั้งยังชนะทีมจากเยอรมันมา 3 เกมติดแล้ว (รวมถล่มบาเยิร์น 4-1) หลังเคยแพ้ 5 นัดก่อนหน้านั้น
ปาสกาล กรอสส์ กลับมาพร้อมลงสนามหลังพ้นโทษแบน ขณะที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และ นิโค ชลอตเทอร์เบ็ค ยังบาดเจ็บหัวเข่าและหมดสิทธิ์ช่วยทีม ส่วนเอ็มเร่ ชาน ยังต้องรอเช็กความฟิตจากอาการกล้ามเนื้อตึง
ด้วยสถานการณ์ที่ต้องยิงเยอะ โควัชอาจกลับไปใช้แผน 4-2-3-1 แทนการเล่นหลังสาม
อเลฆานโดร บัลเด้ ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงในเกมลีก คาดว่าจะพักจนสิ้นเดือน ทำให้ เคราร์ด มาร์ติน จะลงแทนในตำแหน่งแบ็คซ้าย ส่วนแข้งที่ยังเจ็บมี มาร์ค แบร์นาล, มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น และ มาร์ก กาซาโด้
ดานี่ โอลโม่ หายเจ็บกล้ามเนื้อพร้อมมีชื่อในทีมอีกครั้ง แต่เฟร์มิน โลเปซ น่าจะยังคงได้โอกาสออกสตาร์ทในบทบาทเพลย์เมกเกอร์เหมือนเกมแรก โดยอาการเจ็บเล็กน้อยของราฟินญาอาจเปิดโอกาสให้เฟร์ราน ตอร์เรส มีส่วนร่วมมากขึ้น
ดอร์ทมุนด์ (3-5-2) : เกรกอร์ โคเบล - นิคลาส ซือเล่อ, เอ็มเร่ ชาน, วัลเดมาร์ อันทอน - ยูเลี่ยน รีเยอร์สัน, คาร์นี่ย์ ชุควูเอเมก้า, เฟลิกซ์ เมช่า, พาสคาล กรอสส์, ดาเนียล สเวนส์สัน - มักซิมิเลี่ยน ไบเออร์, แซร์อู กีราสซี่
บาร์เซโลน่า (4-2-3-1) : วอยเช็ค เซสนี่ - ชูลส์ กุนเด้, เปา กูบาร์ซี่, อินญีโก้ มาร์ตีเนซ, เคราร์ด มาร์ติน - เฟร็งกี้ เดอ ยอง, เปดรี้ - ลามีน ยามาล, เฟร์มีน โลเปซ, ราฟินญ่า - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้