ราฟินญ่า และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โชว์ฟอร์มเด็ดอีกครั้ง พา บาร์เซโลนา ถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปแบบขาดลอย 4-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
เลวานดอฟสกี้ เหมาสองประตู ขณะที่ ราฟินญ่า ยิงหนึ่งจ่ายหนึ่ง ช่วยให้ทีมจากแคว้นกาตาลุนญาอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบสุด ๆ ก่อนเกมนัดที่สองจะบุกไปเยือนเยอรมนีวันอังคารหน้า
ลามีน ยามาล ดาวรุ่งวัยทีนก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเช่นกัน ทำให้ความหวังในการเข้ารอบของดอร์ทมุนด์ลดฮวบ โดยทีมเสือเหลืองเพิ่งเข้าชิงฯ ครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว แต่แพ้ให้กับเรอัล มาดริด
“เราทำได้ดีมากในเกมนี้ แต่ยังไม่ควรคิดไปไกลถึงรอบรองฯ” เลวานดอฟสกี้ให้สัมภาษณ์ “เรายิงได้สี่ลูกก็จริง แต่ยังเหลือเกมสำคัญอีกหนึ่งนัด”
ราฟินญ่า เปิดสกอร์ในนาทีที่ 25 เป็นประตูที่ 12 ของเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ และเป็นการทำประตูในรอบน็อกเอาต์ต่อเนื่องเป็นเกมที่ 4 ก่อนจะจ่ายให้เลวานดอฟสกี้ยิงเพิ่มในนาที 48
หัวหอกโปแลนด์มากดประตูที่สองของตัวเองในนาที 66 เป็นประตูที่ 11 ของเขาในรายการนี้ปีนี้ ก่อนที่ยามาลจะปิดกล่องในนาทีที่ 77
เลวานดอฟสกี้ วัย 36 ปี ทำไปแล้ว 14 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังอายุ 35 ปี มากกว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ 2 ลูก และยังเป็นดาวซัลโวของลาลีก้าฤดูกาลนี้ที่ 25 ประตู รวมแล้วทำไป 40 ประตูในซีซั่นนี้
“หน้าที่ของผมคือช่วยทีมให้ได้มากที่สุด ทั้งการยิงประตูและการสร้างโอกาส” เขากล่าว “เมื่อทีมเล่นกันได้ดี มันก็ทำให้ผมเล่นง่ายขึ้นเยอะ”
ราฟินญ่าในตอนนี้ยิงรวมแล้ว 12 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าคู่แข่งอย่าง แฮร์รี่ เคน และ แซร์ฮู กีราสซี
ควิชา ควารัตส์เคเลีย สร้างโมเมนต์ระดับมาสเตอร์พีซ พา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์
แม้ แอสตัน วิลล่า จะขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 35 จาก มอร์แกน โรเจอร์ส แต่ เปแอสเช ก็ตอบโต้ทันควันในอีก 4 นาทีต่อมา จากประตูของ ดาวรุ่งวัย 19 ปี เดซิเร่ ดูเอ้ ซึ่งยิงเป็นประตูที่ 12 ของฤดูกาลอันน่าจดจำของเขา
ครึ่งหลังเริ่มมาเพียง 4 นาที ควารัตส์เคเลีย ก็แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้น ด้วยการลากบอลจากแดนตัวเอง ฝ่าแนวรับของวิลล่าอย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะโยกหลอก อักเซล ดิซาซี่ แล้วซัดด้วยซ้ายเต็มข้อผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปแบบไม่มีใครหยุดได้
นูโน่ เมนเดส มาตอกฝาโลงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ด้วยการจบสกอร์แบบเฉียบคมจากการประสานงานกับ อุสมาน เดมเบเล่ ส่งแฟนวิลล่าที่เดินทางมาเชียร์ถึงปารีส รวมถึงเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ ต้องผิดหวังกลับบ้าน
หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือเปแอสเช กล่าวหลังเกมว่า "ผลการแข่งขันสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเรา เรามีอาวุธในเกมรุกมากกว่า เป้าหมายของเราคือครองบอลให้ได้และเล่นเกมบุกอย่างดุดัน"
และเมื่อพูดถึงควารัตส์เคเลีย เขาไม่ลังเลเลยที่จะยกย่องลูกทีมคนใหม่ "เขาคือนักเตะที่โค้ชทุกคนอยากมี เราเคยพยายามเซ็นเขาตั้งแต่ซัมเมอร์แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายได้มาในตลาดหน้าหนาว เขามีทุกอย่างที่เราต้องการ"
ฝั่งแอสตัน วิลล่า ซึ่งเข้าถึงรอบนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1983 เปิดฉากได้อย่างแข็งแกร่ง และขึ้นนำจากจังหวะที่ จอห์น แม็คกินน์ ตัดบอลกลางสนาม ก่อนจ่ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งแทงทะลุช่องให้ ยูริ ตีเลอมันส์ ครอสไปเสาสองให้ โรเจอร์ส ชาร์จโล่ง ๆ เข้าไป
แต่เปแอสเชใช้เวลาเพียงไม่นานก็ตามตีเสมอจากลูกยิงโค้งสุดสวยของดูเอ้
"เขาไม่ต้องใช้พื้นที่มากในการเลี้ยงบอล และมีทุกอย่างที่จะกลายเป็นนักเตะระดับท็อป" เอ็นริเก้กล่าวชื่นชม
เปแอสเชยังมีจังหวะลุ้นเพิ่มอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะลูกยิงของ อัชราฟ ฮาคิมี่ ที่มาร์ติเนซต้องพุ่งปัดเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม มาร์ติเนซก็ไม่อาจต้านทานลูกยิงสุดเฉียบของเมนเดส ที่บุกเติมขึ้นมาและจบสกอร์อย่างใจเย็น ปิดกล่องชัยชนะให้ทีมดังฝรั่งเศส
โรเจอร์สกล่าวหลังเกมว่า "เรารู้ดีว่าพวกเขาเฉียบคมแค่ไหนจากการดูเกมก่อน ๆ และคืนนี้พวกเขาก็แสดงให้ทั้งโลกเห็นแล้ว"
แม้จะแพ้ในเกมแรก แต่ อูไน เอเมรี่ กุนซือวิลล่า ยังเชื่อมั่นในโอกาสของทีม
"ผมยังเชื่อว่าเราจะพลิกสถานการณ์ได้ในเลกสอง วิลล่า พาร์ค คือบ้านของเรา"