เก็บตก คาราบาวคัพ แชมป์แรกของ "นิวคาสเซิล" จุดเริ่มต้นสู่อนาคต

เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ปิดฉากช่วงเวลาทดเวลาบาดเจ็บอันยาวนาน แฟนบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่เวมบลีย์ต่างส่งเสียงเฮกึกก้อง บ้างก็กอดกันแน่น โบกผ้าพันคอสะบัดไปมา แต่ในบางมุมกลับมีความเงียบงันปะปนอยู่ เป็นความเงียบของความไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

สำหรับแฟนบอลนิวคาสเซิลบางคน ความรู้สึกตื่นเต้นสุดขีดอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ตอนเห็นทีมชูถ้วยแชมป์ เพราะในช่วงที่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา หลายคนยังคงตะลึงราวกับว่าไม่อยากเชื่อว่าวันนี้มาถึงจริง ๆ

แชมป์นี้ที่รอคอย

การคว้าแชมป์ครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาที่แห้งแล้งยาวนานถึง 56 ปี แฟนบอลที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเท่านั้นถึงจะเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ครั้งสุดท้ายที่นิวคาสเซิลชูถ้วยแชมป์คือในศึก อินเตอร์​ซิตี้ แฟร์ส คัพ ในปี 1969 นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่สโมสรไม่ได้สัมผัสเกียรติยศใด ๆ เลย

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้คว้าแชมป์รายการเมเจอร์ในประเทศมาตั้งแต่ในศึก เอฟเอคัพ ปี 1955 หรือเมื่อ 70 ปีก่อน และไม่เคยคว้าแชมป์ลีกคัพมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ของสโมสร ชัยชนะครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษของแฟนบอลทุกคน

ฟอร์มอันแข็งแกร่งของนิวคาสเซิล

แม้ว่าจะคว้าแชมป์อย่างไร ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม แต่มันยิ่งหวานชื่นขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายที่เล่นได้เหนือกว่าลิเวอร์พูลตลอดทั้งเกม

จากประตูเปิดหัวของ แดน เบิร์น ซึ่งทำให้ความฝันในวัยเด็กของเขาเป็นจริง นิวคาสเซิลก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาควบคุมเกมไว้ได้ทั้งหมดและแทบไม่ปล่อยให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสกลับมาเลย ยกเว้นช่วงท้ายเกมที่ดูตึงเครียดเล็กน้อย

สถิติหลายอย่างสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของนิวคาสเซิล พวกเขายิง 17 ครั้ง เทียบกับ 7 ครั้งของลิเวอร์พูล ชนะลูกกลางอากาศมากกว่าสองเท่า (17 ต่อ 8) และชนะในการแท็คเกิลมากกว่า (23 ต่อ 17) ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ เอ็ดดี้ ฮาว ต้องการให้ทีมของเขาเป็น นั่นคือ "แข็งแกร่ง ดุดัน และเด็ดขาด"

หงส์ผิดฟอร์ม ซาลาห์เงียบสนิท

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลฟอร์มตกในเกมนี้ อาจเป็นเพราะพวกเขาต้องเล่น 120 นาทีเต็มในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อวันอังคาร ทำให้สภาพร่างกายของนักเตะดูอ่อนล้า

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เองก็แทบไม่มีบทบาทในเกมนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาลงเล่นเต็มเวลาในเสื้อลิเวอร์พูลโดยไม่มีโอกาสยิงหรือสร้างสรรค์โอกาสเลย นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังใช้แท็กติกที่แปลกไปจากเดิม พวกเขาเน้นการวางบอลยาวมากเกินกว่าปกติ ซึ่งกลายเป็นเข้าทางนิวคาสเซิลและทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมเกมได้ดีพอ

ก้าวต่อไปของ "สาลิกาดง"

จากแท็กติกลูกเตะมุมที่นำไปสู่ประตูของ แดน เบิร์น ไปจนถึงการเล่นที่ดุดันของ บรูโน กิมาไรส์ และ ซานโดร โตนาลี แผนการของ เอ็ดดี้ ฮาว ในเกมนี้แทบจะสมบูรณ์แบบ

การคว้าแชมป์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การได้ชูถ้วย แต่มันยังหมายถึงอนาคตที่สดใสของสโมสรด้วย เพราะนอกจากจะเป็นแชมป์แรกในรอบ 56 ปี นิวคาสเซิลยังการันตีโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปแน่นอนแล้ว อย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การลุ้นพื้นที่แชมเปียนส์ ลีกในอนาคต

บรูโน กิมาไรส์ กัปตันทีม กล่าวหลังจบเกมว่า “นี่คือวันของแฟนบอล พวกเขาสมควรได้รับมัน ผมบอกตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่ว่าผมต้องการสร้างประวัติศาสตร์ และวันนี้เราก็ทำได้แล้ว”

...

ถึงวันนี้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้กลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง และหลังจากนี้ พวกเขามีสิทธิ์ฝันถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม