ลิเวอร์พูล ขยายความได้เปรียบในตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน หลังจากเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ขณะที่ อาร์เซนอล ทำได้เพียงเสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-0 ส่งผลให้ลูกทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ทิ้งห่างถึง 13 คะแนน
หากมองจากโปรแกรมการแข่งขัน ลิเวอร์พูลผ่านช่วงที่ยากลำบากที่สุดมาแล้ว พวกเขาต้องลงเล่นถึง 5 นัดในลีกภายใน 15 วัน โดยเจอคู่แข่งที่ล้วนเป็นงานยาก แต่ก็สามารถผ่านพ้นมาโดยไม่แพ้ใคร
พวกเขาเอาชนะทั้ง นิวคาสเซิล ที่จะเจอกันในรอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บชัยชนะเหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่มี มาเธอุส คุนญ่า เป็นตัวอันตราย รวมถึงบุกไปเสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 ในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งสุดท้ายที่ กูดิสัน พาร์ค และเสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 เช่นกัน
ในอดีต มีเพียงครั้งเดียวที่ทีมตามหลัง 13 คะแนนแล้วสามารถกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 1997/98 โดย อาร์เซนอล พลิกแซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครอง อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 19 นัด ขณะที่ตอนนี้เหลือเพียง 11 นัดเท่านั้น
หากไม่มีการพลิกล็อกครั้งใหญ่ ซึ่งต้องใช้การเปลี่ยนแปลงคะแนนถึง 13 แต้มใน 11 เกม ลิเวอร์พูลมีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ เรามาดูกันว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์ได้เมื่อไหร่
เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ต้องแข่งขันนัดชิงชนะเลิศคาราบาวคัพในวันที่ 16 มีนาคม และมีช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนเดียวกัน พวกเขาจะลงเล่นพรีเมียร์ลีกเพียงแค่นัดเดียวในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเกมเหย้ากับ เซาแธมป์ตัน นั่นหมายความว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้จนกว่าจะถึงเดือนเมษายนเป็นอย่างน้อย
หากทุกอย่างเป็นใจ ลิเวอร์พูลอาจการันตีแชมป์ได้เร็วที่สุดในสุดสัปดาห์วันที่ 5/6 เมษายน ที่พวกเขาจะบุกไปเยือน ฟูแล่ม โดยมี 78 คะแนนเต็ม เงื่อนไขคือพวกเขาต้องชนะ 3 นัดถัดไป และ อาร์เซนอล ต้องแพ้ 4 นัดติดต่อกัน
ขณะที่ทีมอื่น ๆ อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (สูงสุด 81 คะแนน), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (80 คะแนน) และ เชลซี (79 คะแนน) ก็ต้องทำแต้มหล่นระหว่างทางเช่นกัน
หากช่องว่างของคะแนนยังคงอยู่ที่ 13 แต้ม ลิเวอร์พูลจะสามารถการันตีแชมป์ในสุดสัปดาห์วันที่ 26/27 เมษายน เมื่อพวกเขาเปิดบ้านพบ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งจะเหลือการแข่งขันอีกเพียง 4 นัด
แต่หากช่องว่างถูกลดลงเหลือ 10 แต้ม การเป็นแชมป์อาจต้องรอถึงเดือนพฤษภาคม โดยพวกเขาอาจคว้าแชมป์ในเกมเยือน เชลซี วันที่ 3/4 พฤษภาคม
ลิเวอร์พูลจะเปิดบ้านพบ อาร์เซนอล ในสุดสัปดาห์วันที่ 10/11 พฤษภาคม และหากพวกเขานำอยู่ 7 แต้มก่อนเริ่มเกม การเสมอหรือชนะนัดนั้นอาจเพียงพอให้พวกเขาคว้าแชมป์ได้ทันที หาก อาร์เซนอล เป็นทีมเดียวที่ยังมีโอกาสไล่ตาม
มีสองเกณฑ์ในการวัดว่าใครคว้าแชมป์ได้เร็วที่สุด นั่นคือ วันที่ในปฏิทิน และจำนวนแมตช์ที่ลงเล่น
ลิเวอร์พูลถือสถิติทีมที่ใช้จำนวนนัดน้อยที่สุดในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยพวกเขาเป็นแชมป์หลังจบนัดที่ 31 ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งอาจเร็วกว่านี้หากฤดูกาลนั้นไม่ถูกพักการแข่งขันจากโควิด-19 สุดท้ายพวกเขาได้แชมป์ในวันที่ 25 มิถุนายน 2020
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือสถิติวันคว้าแชมป์เร็วที่สุด โดยพวกเขาได้แชมป์ฤดูกาล 2000/01 ในวันที่ 14 เมษายน 2001
หาก ลิเวอร์พูล ต้องการทำลายสถิติของตัวเอง พวกเขาจะต้องคว้าแชมป์ในสุดสัปดาห์วันที่ 5/6 เมษายน (นัดที่ 30) หรือเทียบเท่ากับสถิติเดิมของตัวเองในวันที่ 12/13 เมษายน (นัดที่ 31) ซึ่งจะทำให้พวกเขาทำลายสถิติของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแง่ของวันที่ได้แชมป์เร็วที่สุด
แม้อาร์เซนอลจะตามหลัง 13 คะแนน แต่พวกเขายังมีเกมตกค้างอยู่หนึ่งนัด หากพวกเขาชนะ เชลซี ในวันที่ 16 มีนาคม พวกเขาอาจลดช่องว่างลงเหลือ 10 คะแนน โดยขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันของ ลิเวอร์พูล ที่จะพบกับ เซาแธมป์ตัน และ อาร์เซนอล ที่จะเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เป้าหมายของ อาร์เซนอล คือพยายามให้ช่องว่างไม่เกิน 9 คะแนนก่อนที่จะบุกเยือน แอนฟิลด์ ในสุดสัปดาห์วันที่ 10/11 พฤษภาคม หากพวกเขาสามารถบุกไปชนะ ลิเวอร์พูล (ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012) พวกเขายังมีโอกาสลุ้นแชมป์หากผลการแข่งขันในสองนัดสุดท้ายเป็นใจ
ไม่เคยมีทีมใดที่นำห่าง 13 คะแนนในช่วงนี้ของฤดูกาลแล้วพลาดแชมป์ อย่างไรก็ตาม เคยมีครั้งหนึ่งที่ช่องว่าง 13 คะแนนถูกพลิกกลับมาได้ โดย อาร์เซนอล ในฤดูกาล 1997/98 ที่พวกเขาแซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ
แมนฯ ยูไนเต็ด เคยนำ อาร์เซนอล 12 คะแนนในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ อาร์เซนอล สามารถชนะรวด 10 นัด รวมถึงเกมที่ชนะ แมนยู 1-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และคว้าแชมป์ในวันที่ 3 พฤษภาคม เหลือการแข่งขันอีก 2 นัด
สำหรับ ลิเวอร์พูล พวกเขาเคยเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 ครั้งหลังนำมากกว่า 10 คะแนน พวกเขาคงไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 อย่างแน่นอน