ลิเวอร์พูล เก็บผลการแข่งขันที่ต้องการพร้อมขยับขึ้นนำ เชลซี ในศึกชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยคะแนนที่ห่างถึง 4 แต้ม พร้อมกับยังมีเกมในมืออีกหนึ่งนัด สถานการณ์นี้ทำให้ "หงส์แดง" อยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงอย่างมั่นคงและมีโอกาสคว้าแชมป์สูง
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ความมั่นใจนี้อาจยังไม่ได้ชัดเจนเท่ากับตอนนี้
หากลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 และแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ทีมจำเป็นต้องมี "โชค" มาช่วยอยู่บ้าง เช่นเดียวกับทุกทีมที่เคยคว้าแชมป์ในอดีต และในสุดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่าทีมจะได้รับประโยชน์จากตารางการแข่งขันที่วางไว้โดยพรีเมียร์ลีก ซึ่งส่งผลสำคัญต่อการแข่งขันในฤดูกาลนี้
ก่อนเริ่มโปรแกรมการแข่งขันล่าสุด ลิเวอร์พูลนำเชลซีอยู่ 2 แต้ม แม้ว่าจะดูเป็นตำแหน่งที่ดี แต่สถานการณ์นี้ก็อาจทำให้แฟนบอลหลายรายรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง เพราะเมื่อสามสัปดาห์ก่อน ลิเวอร์พูลยังนำห่างถึง 7 แต้ม (ก่อนจะสะดุดเสมอ 2 นัดติด) และหากผลการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่คาดคิด พวกเขาอาจเริ่มเกมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในฐานะทีมอันดับสอง ซึ่งจะเปลี่ยนความคาดหวังต่อฤดูกาลไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนถึงผลงานของลิเวอร์พูลอย่างเต็มที่ การทำแต้มหลุดมือในสองเกมล่าสุดของหงส์แดงเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ค่อนข้างยากลำบาก หนึ่งในนั้นคือการบุกไปเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของนิวคาสเซิล ซึ่งเป็นสนามที่ยากเสมอในยามที่ต้องบุกไปเยือนที่นั่น อีกเกมหนึ่งคือการเจอกับฟูแล่ม ซึ่งลิเวอร์พูลต้องเล่นโดยเหลือเพียง 10 คนตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่ยังสามารถกลับมาต่อสู้และเก็บแต้มได้อย่างน่าประทับใจ
การเลื่อนการแข่งขันในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ก็มีผลต่อความไม่แน่นอนในตารางคะแนนเช่นกัน ทำให้ก่อนการแข่งขันในวันอาทิตย์ ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่มั่นคงมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อจบสุดสัปดาห์ ลิเวอร์พูลกลับกลายเป็นทีมที่มีตำแหน่งที่ชัดเจนและมั่นคงมากขึ้น โดยนำเชลซีอยู่ 4 แต้ม และยังมีเกมในมืออีกหนึ่งเกม
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่าสนใจยิ่งขึ้นคือ เชลซีทำแต้มหล่นในสภาพอากาศที่มีลมแรงในเมอร์ซีย์ไซด์ ขณะที่ลิเวอร์พูลสามารถโชว์ฟอร์มอย่างมั่นใจในลอนดอน ซึ่งมีสภาพอากาศที่สงบกว่า หากทั้งสองทีมสลับโปรแกรมการแข่งขันกัน ผลลัพธ์ของทั้งสองเกมอาจแตกต่างไปจากที่เกิดขึ้น
ไหนจะเรื่องการที่ทีมของ อาร์เน่อ ซล็อต มักจะโชคดีได้เจอกับทีมที่ไม่พร้อมในหลายๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการดวล แมนฯ ซิตี้ ในยามที่นักเตะบาดเจ็บค่อนทีม, เจอ อาร์เซน่อล ในวันที่ขาด วิลเลี่ยม ซาลิบา และ มาร์ติน โอเดอการ์ด แม้กระทั่งการเจอ เรอัล มาดริด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็มาดวลกันในวันที่ "ราชันชุดขาว" ยังไม่ลงตัว แถมยังไม่มี วินิซิอุส จูเนียร์ ที่บาดเจ็บ
แม้กระทั่งเกมเจอ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ทีมต้องขาด อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (โดนแบน) แมตช์ก็ยังเลื่อนเพราะเจอพายุ
ปัจจัยเหล่านี้แม้จะไม่ได้อยู่ในความควบคุมของลิเวอร์พูล แต่การที่ทีมได้รับประโยชน์จากตารางการแข่งขันที่วางล่วงหน้า แสดงให้เห็นถึงฤดูกาลที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจให้กับทีมหงส์แดง ฟอร์มการเล่นที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของทีมยังช่วยเสริมความเชื่อว่าพวกเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้
ชัยชนะในเกมล่าสุดกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในฤดูกาล ซึ่ง เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตนักเตะของลิเวอร์พูลได้เปรียบเทียบชัยชนะครั้งนี้กับเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทีมหงส์แดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
ในเกมกับสเปอร์ส ลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีช่วงเวลา 15 นาที (ตอนโดนไล่จาก 1-5 เป็น 3-5) ที่ฟอร์มการเล่นดูผ่อนลงและเปิดโอกาสให้คู่แข่งทำเกมได้บ้าง แต่การที่ หลุยส์ ดิอาซ สามารถยิงประตูที่ 6 เพื่อตอกย้ำชัยชนะของทีม แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและความมั่นใจในตัวผู้เล่นของลิเวอร์พูล
สิ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ดูโดดเด่นคือความสามารถของทีมที่จะรับมือกับความกดดันและสถานการณ์ที่ท้าทาย การปรับตัวของทีมในแต่ละเกม รวมถึงความมั่นคงในแนวรับและความเฉียบคมในแนวรุก ทำให้พวกเขาดูเหมือนทีมที่มีศักยภาพในการคว้าแชมป์ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล
นอกจากนี้ การที่ทีมคู่แข่งอย่างเชลซีและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่างมีปัญหาของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเสียแต้มสำคัญหรือการรับมือกับอาการบาดเจ็บของบรรดาผู้เล่นตัวหลัก ทำให้ลิเวอร์พูลยิ่งดูเหมือนเป็นทีมที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการคว้าแชมป์ แม้ว่าจะยังเหลือเกมให้เล่นอีกมาก แต่การที่พวกเขามีทั้งคะแนนนำและเกมในมือ ทำให้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบอย่างมาก
ความสำเร็จของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ไม่ได้มาจากโชคช่วยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการวางแผนที่ดีของ อาร์เน่อ ซล็อต และทีมงาน รวมถึงความสามัคคีและความมุ่งมั่นของผู้เล่นในทีม การที่ทีมสามารถเก็บชัยชนะในเกมสำคัญและยังคงรักษาความต่อเนื่องในฟอร์มการเล่น เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลและทีมงาน
เมื่อมองย้อนกลับไปในฤดูกาล 2019/20 ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสามารถในการคว้าแชมป์ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้น ฤดูกาลนี้ดูเหมือนจะเป็นอีกครั้งที่พวกเขาสามารถทำได้ หากทีมสามารถรักษามาตรฐานและความสม่ำเสมอในการเล่นได้ต่อไป ลิเวอร์พูลอาจกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างตำนานของสโมสรให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
นี่คือฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะเป็นแชมป์ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ และทุกอย่างกำลังชี้ให้เห็นว่าพวกเขาคือทีมที่พร้อมที่สุดสำหรับการคว้าแชมป์ในปีนี้