svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ทบ.ส่ง “นักชกกองทัพไทย” แข่ง “Military Kickboxing”

กองทัพบก ส่งกำลังพลร่วมทีม “นักชกกองทัพไทย” เตรียมความพร้อมแข่ง 1st CISM Open Military Kickboxing Championship ณ ประเทศทูร์เคีย 17 - 25 พ.ย.นี้

10 พฤศจิกายน 2567 กองทัพบก ส่งกำลังพลนักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง  ร่วมทีมนักกีฬากองทัพไทย เก็บตัวเตรียมเดินทางไปแข่งขันในรายการ 1st CISM Open Military Kickboxing Championship ระหว่างวันที่ 17 - 25 พ.ย.67 ณ เมืองอันทัลยา ประเทศทูร์เคีย

 

 

ทบ.ส่ง “นักชกกองทัพไทย” แข่ง “Military Kickboxing”

ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทยได้ร่วมกับสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย ดำเนินการคัดสรรผู้ฝึกสอนและนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งจากแต่ละเหล่าทัพ 

 

 

ทบ.ส่ง “นักชกกองทัพไทย” แข่ง “Military Kickboxing”

 

เข้าร่วมการแข่งขัน Military Kickboxing กับกองทัพชาติสมาชิก รวม 10 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, เอกวาดอร์, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, มองโกเลีย, อาเซอร์ไบจาน, คาซัคสถาน, โปแลนด์, ไทย, เยอรมนี และทูร์เคีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพชาติสมาชิก โดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลาง

 

 

ทบ.ส่ง “นักชกกองทัพไทย” แข่ง “Military Kickboxing”

สำหรับกำลังพลของกองทัพบก ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมทีม รวม 5 นาย จากทั้งหมด 6 นาย ประกอบด้วย

 

 

ทบ.ส่ง “นักชกกองทัพไทย” แข่ง “Military Kickboxing”

 

จ่าสิบเอก ฐวิกร สณฑ์สกุณา เป็นผู้ฝึกสอน

 

พร้อมนักกีฬาอีก 4 นาย ได้แก่

1.สิบเอก สุรสิทธิ์ หลวงโปธา

2.สิบเอก จักรพงษ์ คุ้มครองไพร

3.อาสาสมัครทหารพราน จันทร์สิทธิ์ มือแป

4.พลทหาร ยงยุทธ เพิ่มยศสกุล 

ซึ่งทั้งหมดเป็นกำลังพลในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการฝึกซ้อม พัฒนาและเสริมสร้างทักษะทางการกีฬา ณ สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ให้สามารถแสดงศักยภาพทางการกีฬาคิกบ็อกซิ่งได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ และเป็นที่ประจักษ์ต่อนักกีฬากองทัพนานาชาติ โดยมีกำหนดการเดินทางเข้าแข่งขันในวันที่ 17 – 25 พ.ย.67 นี้

 

ทั้งนี้ จากนโยบายของ พลอ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาและเสริมสร้างขวัญกำลังใจของกำลังพล กองทัพบกพร้อมสนับสนุนกำลังพลผู้ที่มีความรู้ความสามารถให้ได้แสดงออกในเวทีต่างๆ หรือประกอบกิจกรรม 

เพื่อพัฒนาต่อยอดในทักษะที่มีอยู่ ซึ่งทักษะทางการกีฬาถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถเสริมทักษะการปฏิบัติการทางทหาร สร้างความแข็งแรงให้กับกำลังพล พร้อมต่อการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งให้ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สร้างความภาคภูมิใจต่อตนเอง ครอบครัว และกองทัพบก