svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

3 เหตุผล "สเปอร์ส" ฟอร์มร่วง และ "แอนจ์" ควรได้ไปต่อหรือไม่

07 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เจาะ 3 เหตุผลของฟอร์มอันตกต่ำของ "สเปอร์ส" จากทีมจ่าฝูงต้นซีซั่น แต่ล่าสุดจ่อหลุดโควตาท็อปโฟร์...แล้ว "แอนจ์" หรือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ควรจะได้ทำทีมต่อไปในซีซั่นหน้าหรือไม่

ปลายเดือนกันยายนปีก่อน "ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์" เอาชนะหนึ่งในทีมเต็งแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล 2-1 ทะยานขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของตาราง พรีเมียร์ลีก และจากนั้นในหนึ่งเดือนต่อมา ก็มีช่วงหนึ่งที่พวกเขามีแต้มทิ้งห่างคู่แข่งไปถึง 5 แต้ม จากชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ

นับเป็นการออกสตาร์ทที่เหมือนฝันของ "แอนจ์" หรือ อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำทีมเป็นฤดูกาลแรก

ก้าวข้ามมาจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สเปอร์ส หล่นมาอยู่ในอันดับที่ 5 หลังจากพ่ายแพ้ 2-4 ที่แอนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ พวกเขาตามหลังจ่าฝูงอยู่ 23 แต้ม ห่างจากอันดับสี่ 7 แต้ม และมีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่พวกเขาจะคว้าโควตาลุยถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าได้ 

ที่มากไปกว่านั้น ความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ถือเป็นความปราชัยติดต่อกันเป็นนัดที่ 4 ของสเปอร์ส โดยเสียไปถึง 13 ประตู มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม "ไก่เดือยทอง" ถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้? 

3 เหตุผล \"สเปอร์ส\" ฟอร์มร่วง และ \"แอนจ์\" ควรได้ไปต่อหรือไม่

1. การเสีย "แฮร์รี่ เคน"
ก่อนฤดูกาล 2023/24 จะเริ่มขึ้น สเปอร์ส จำเป็นต้องปล่อยตัว แฮร์รี่ เคน เครื่องจักรแห่งการทำประตูและเป็นตำนานของสโมสรออกไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ตามความต้องการของตัวนักเตะที่อยากจะคว้าแชมป์ให้ได้สักครั้งก่อนแขวนสตั๊ด

แน่นอนว่าการเสีย แฮร์รี่ เคน ออกไป ทำให้ทุกคนต่างคาดการณ์ไว้แล้วว่า สเปอร์ส จะต้องเจอวิกฤต เพียงแต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือพวกเขาเสียดาวยิงที่ดีที่สุดของทีมไปในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ ทำให้ไม่สามารถหากองหน้าตัวเป้าคนใหม่มาแทนที่ได้ทันเวลา และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมต้องปรับเปลี่ยนแท็กติกในแนวรุกไปตลอดทั้งซีซั่น

3 เหตุผล \"สเปอร์ส\" ฟอร์มร่วง และ \"แอนจ์\" ควรได้ไปต่อหรือไม่

2. แท็กติกของกุนซือ
อังเก้ ปอสเตโคกลู ชื่นชอบกับสไตล์การเล่นที่เพรสซิ่งอย่างหนักหน่วงตั้งแต่แดนบนตลอด 90 นาที จุดอ่อนในเกมรับ (หากมี) เจ้าตัวก็ยินดีที่จะปล่อยผ่านตราบใดที่ยังยิงประตูได้มากกว่าคู่แข่ง

ไม่ใช่เรื่องผิดหากยังได้ผลลัพธ์ตามต้องการ แต่เมื่อถึงวันที่กองหน้ายิงประตูไม่ได้ เมื่อนั้น จุดอ่อนในแนวรับก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในทันที 

เช่นในปัจจุบัน นักวิจารณ์หลายคนต่างมองว่า สเปอร์ส ป้องกันลูกตั้งเตะได้แย่มาก สถิติตลอดทั้งฤดูกาลฟ้องชัดเจนว่า "ไก่เดือยทอง" เป็นทีมที่เสียประตูจากลูกตั้งเตะมากที่สุดในลีก (15 ประตู) รวมถึงการเสียประตูจากลูกเตะมุมถึง 6 ลูกด้วย

ความเหนื่อยล้าก็เป็นอีกปัจจัยที่ชัดเจน เนื่องจากสไตล์การเล่นที่ต้องใช้พลังสูงของเขาส่งผลกระทบต่อนักเตะบางคนในทีม โดยเฉพาะการต่อสู้ระระยาวแบบฟุตบอลลีก อีกทั้งยังต้องเจอกับสถานการณ์ที่ต้องเสียแข้งหลายรายไปกลางฤดูกาล โดย ซน ฮึง-มิน, อีฟส์ บิสซูม่า และ ป๊าป มาตาร์ ซาร์ ต้องกลับไปรับใช้ชาติลุยศึก เอเชียน คัพ และแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ นานร่วมเดือน และกลับมาลอนดอนด้วยพลังงานที่หดหาย ผลกระทบจากเรื่องนี้ทำให้ทีมอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

3 เหตุผล \"สเปอร์ส\" ฟอร์มร่วง และ \"แอนจ์\" ควรได้ไปต่อหรือไม่

3. เผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
ต้นฤดูกาล สเปอร์ส เป็นจ่าฝูงของลีกและเล่นฟุตบอลเกมรุกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อถึงเกมวันที่ 6 พ.ย. 2023 กลายเป็นคืนที่ฤดูกาลของ สเปอร์ส เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ในบ้านต่อเชลซี 1-4 

ใบแดงของ คริสเตียน โรเมโร่ และ เดสตินี่ อูโดกี้ รวมถึงการเจ็บยาวของ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน และ เจมส์ แมดดิสัน ทำให้ สเปอร์ส ต้องปรับทัพให้วุ่นวายนับจากนั้น แท็กติกที่เคยมีประสิทธิภาพกลับใช้ไม่ได้ผลยามเมื่อเปลี่ยนผู้เล่น แต่ "แอนจ์" ก็ยังยึดมั่นกับสไตล์การเล่นที่ตัวเองชื่นชอบต่อไป 

สุดท้าย สเปอร์ส ก็กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้ดี มีหลักการที่ดี แต่ไม่มีผลลัพธ์ที่ดี

3 เหตุผล \"สเปอร์ส\" ฟอร์มร่วง และ \"แอนจ์\" ควรได้ไปต่อหรือไม่

"แอนจ์" ควรได้ไปต่อหรือไม่?
ประโยคข้างต้นเป็นคำถามที่เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่แฟนบอล สเปอร์ส ในปัจจุบัน จนทำให้เกิดคำถามอีกมุมหนึ่งสะท้อนออกมาว่า "ตอนนี้เราอยู่ในโลกที่ผู้จัดการทีมซึ่งเก็บ 60 แต้มจาก 35 นัดแรกกำลังถูกวิจารณ์อย่างนั้นหรือ?"

ต้องไม่ลืมว่า 60 แต้มที่ สเปอร์ส ทำได้ในตอนนี้ ดีกว่าที่ มิเกล อาร์เตต้า ทำได้ในซีซั่นแรกกับ อาร์เซน่อล และเหนือกว่าที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้ในซีซั่นแรกที่ลิเวอร์พูลเสียอีก

สื่อดังของอังกฤษอย่าง The Mirror มองว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของ แอนจ์ ไม่ใช่คุณภาพในห้องแต่งตัวที่หายไป แต่เป็นห้องแต่งตัวที่เขาต้องเจอเมื่อมาถึงสโมสรมากกว่า เพราะหลังจากความวุ่นวายในทีม และแนวคิดที่เน้นผลการแข่งขันมากกว่าสไตล์การเล่นภายใต้กุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้ ปอสเตโคกลู ต้องเข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมของทีมใหม่ทั้งหมด

สเปอร์ส ในปัจจุบัน กำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพียงแต่โชคร้ายเจออุปสรรคระหว่างทางเท่านั้น ปอสสเตโคกลูจะมีช่วงซัมเมอร์ที่เขาสามารถพัฒนาทีมของเขาต่อไปได้ เช่นเดียวกับฤดูกาลแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่แอนฟิลด์ ซึ่งใช้วิธีเพรสซิ่งหนักมากเหมือนกัน และแผ่วปลายเหมือนๆกัน จนทำให้ คล็อปป์ มีประสบการณ์และรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาเพื่อรักษาทีมให้ต่อสู้ได้ตลอด 8 เดือนในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

และหากมองอีกมุมหนึ่ง ความพ่ายแพ้ในเกมเยือนทีมใหญ่อย่าง นิวคาสเซิ่ล เชลซี และลิเวอร์พูล รวมถึงการแพ้ในบ้านต่อทีมเต็งอย่าง อาร์เซนอล ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าวิตก หากผลการแข่งขันกระจายออกไปตลอดทั้งฤดูกาลก็คงมีไม่กี่คนที่แปลกใจ แต่โชคร้ายคือทั้ง 4 นัดดังกล่าวดันมาอยู่ติดกันในช่วงนี้เท่านั้นเอง

ท็อตแน่ม อาจจะแพ้ 4 นัดติด ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่แย่ที่สุดในรอบ 20 ปีก็จริง แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าทีมก็ยังมีสัญญาณว่าสิ่งต่างๆ กำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง และแฟนบอลก็คงอยากเห็น อันเก้ ปอสเตโกกลู ได้สร้างทีมฟุตบอลอย่างแน่วแน่ในแนวทางของตัวเองต่อไป

logoline