svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"สเวน-โกรัน อีริคส์สัน" กับฉากจบอันแสนงดงาม

เป็นการปิดฉากอาชีพโค้ชที่สุดแสนประทับใจ หลังจาก "สเวน-โกรัน อีริคส์สัน" ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ได้รับของขวัญจากทีมโปรดอย่าง ลิเวอร์พูล ให้ทำตามความฝันเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้เสียชีวิตลงแล้ว และวันนี้เราขอย้อนเส้นทางชีวิตในวงการลูกหนังของเขากันอีกครั้ง

       "ทุกคนคงทราบแล้วว่าผมป่วยซึ่งเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดี และทุกคนคงรู้ว่ามันคือโรคมะเร็ง แต่ผมจะสู้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมรู้ว่าในกรณีที่ดีที่สุดจะอยู่ได้อีกราวหนึ่งปี แย่สุดคงน้อยกว่านั้น หรือดีที่สุดผมหวังว่ามันจะนานกว่านั้น" 

10 ม.ค. 2024 สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ตำนานกุนซือชาวสวีดิชวัย 75 ปี ออกมาเผยข่าวร้ายต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกผ่านสถานีวิทยุในบ้านเกิด โดยเจ้าตัวยังเผยรายละเอียดอีกว่าไม่ได้มีอาการเจ็บปวดใด ๆ แต่ได้รับการตรวจพบโรคตอนที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สร้างความตกอกตกใจให้กับแฟนบอลทั่วโลกเป็นอย่างมาก

จากนักเตะสู่กุนซือ
สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในตำแหน่งแบ็กขวาให้กับทีม ทอร์สบี ไอเอฟ ในบ้านเกิด ระหว่างปี 1966-1971 ต่อมาย้ายไปร่วมทีม เอสเค ซิฟเฮลลา และ เคบี คาร์ลสโคกา ในลีกดิวิชัน 2 ของสวีเดน แต่ก็ลงเล่นได้ไม่นานก็ต้องแขวนสตั๊ดยุติการเป็นนักฟุตบอลด้วยวัยเพียง 27 ปี เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าเรื้อรัง

จากนั้น อีริคส์สัน ก็เริ่มเบนเข็มเข้าสู่การเป็นโค้ช โดยไปเป็นผู้ช่วยของ ทอร์ด กริป เจ้านายของเขาสมัยเป็นนักเตะ ที่ย้ายไปคุมทีม ดีเกอร์ฟอร์ส แต่เป็นผู้ช่วยอยู่แค่ไม่นาน ทอร์ด กริป ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกุนซือทีมชาติสวีเดน อีริคส์สัน จึงได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นกุนซือใหญ่ของทีม และสามารถพา ดีเกอร์ฟอร์ส เลื่อนชั้นสู่ลีกดิวิชั่น 2 ของประเทศได้สำเร็จ

สเวน-โกรัน อีริคส์สัน สมัยคุมทีม ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก ผลงานของ อีริคส์สัน ไปเข้าตา ไอเอฟเค โกเตเบิร์ก ทีมยักษ์ใหญ่ของสวีเดน จนถูกดึงตัวไปคุมทัพเมื่อปี 1979 ซึ่งกลายเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่ทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศจะเลือกกุนซือที่แทบไม่มีใครรู้จักแบบนี้ แต่ อีริคส์สัน ก็จัดการลบข้อสงสัยในตัวเขา ด้วยการพา โกเตเบิร์ก ซิวแชมป์บอลถ้วยได้ตั้งแต่ซีซั่นแรก ก่อนคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกในปี 1982 จนทำให้ได้ย้ายไปคุมทีม เบนฟิก้า ทีมดังของโปรตุเกส

อีริคส์สัน กลายเป็นกุนซือที่ได้รับการจับตามองทั่วยุโรป หลังพา "เหยี่ยวลิสบอน" ซิวดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรก จนถูกดึงตัวไปคุมทีมในอิตาลี ทั้ง โรม่า ฟิออเรนติน่า ซามพ์โดเรีย และ ลาซิโอ ด้วยความรอบรู้ด้านแท็กติก การสร้างสรรค์วิธีการเล่นใหม่ๆ เช่นการปรับแนวป้องกันจากฟุตบอลยุคก่อนที่ใช้วิธีป้องกันแบบมาร์คตัวผู้เล่น ก็เปลี่ยนเป็นการตั้งรับแบบโซนด้วยแนวคิดของเขา

และตลอดนับสิบปีที่ได้คุมทีมในอิตาลี สเวน โกรัน-อีริคส์สัน ถูกยกย่องอย่างมากที่สามารถพาทีมระดับกลางขึ้นไปต่อกรกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ได้อย่างสูสี โดยเฉพาะการคุมทัพ "อินทรีฟ้าขาว" ลาซิโอ ช่วงปี 1997-2001 ที่เขาพาทีมกวาดมาได้ถึง 7 แชมป์ทีเดียว
สเวน-โกรัน อีริคส์สัน กุนซือต่างชาติคนแรกของทีมสิงโตคำราม
ขึ้นคุมทัพ "สิงโตคำราม"
หลังทีมชาติอังกฤษตกรอบแรกศึกฟุตบอลยูโร 2000 ทำให้ เควิน คีแกน ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อผลงาน สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการตัดสินใจเลือก สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ และกลายเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนแรกในปะวัติศาสตร์ของทัพ "ทรี ไลอ้อนส์"

"สเวน" นำทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกใหญ่หลายครั้ง ทั้งฟุตบอลโลก 2002 ยูโร 2004 และฟุตบอลโลก 2006 แต่ก็ไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย จนต้องก้าวลงจากตำแหน่งในที่สุด

หลังจากนั้น อีริคส์สัน ก็กลายเป็นกุนซือจอมพเนจรที่ย้ายไปคุมหลากหลายสโมสร ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของทีม, น็อตส์ เคาน์ตี้, เลสเตอร์ ซิตี้, กว่างโจว อาร์แอนด์เอฟ, เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี, เสิ่นเจิ้น เอฟซี รวมถึงทีมชาติเม็กซิโก, ไอวอรี่โคสต์ และฟิลิปปินส์ ก่อนประกาศรีไทร์ด้วยปัญหาสุขภาพ
"สเวน" ได้คุมทีมโปรดวัยเด็ก
ความฝันครั้งสุดท้าย
หลังจากประกาศข่าวอาการป่วยเป็นมะเร็งของตัวเอง "สเวน" ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับสื่อหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมา รวมถึงการใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ และมีโอกาสหนึ่งที่เจ้าตัวได้พูดถึงความชื่นชอบฟุตบอลและทีมโปรดในวัยเด็ก โดยเผยเป็นครั้งแรกว่าทีมโปรดของเขาก็คือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก ที่เจ้าตัวใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากได้คุมทีมสักครั้ง แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น ได้แต่เฉียดไปเฉียดมา 

       "พ่อของผมเชียร์ลิเวอร์พูล ผมก็เช่นกัน และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ผมหวังเสมอว่าในอาชีพของผมจะได้มีโอกาสกับพวกเขาในสักวัน แต่มันไม่เกิดขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผมเสียใจ" สเวน กล่าว

หลังจากบทสัมภาษณ์นี้ออกไปแฟนบอลลิเวอร์พูลในต่างประเทศเริ่มเรียกร้องให้สโมสรทำความฝันของสเวนให้เป็นจริง ด้วยการให้เจ้าตัวมาเป็นกุนซือในเกมการกุศลสักนัดหนึ่ง

เรื่องราวดังกล่าวไปถึงหูของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และบอร์ดบริหาร ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีที่จะทำให้ฝันของ สเวน เป็นจริง ด้วยการเชิญมาเป็นโค้ชให้ทีมตำนานลิเวอร์พูล ซึ่งมีโปรแกรมดวลแข้งกับทีมตำนานอาแจ็กซ์ ในวันที่ 23 มี.ค. 

บรรยากาศในเกมดังกล่าวเป็นไปอย่างชื่นมื่น แฟนบอลราว 60,000 คนลุกขึ้นยืนปรบมือให้ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน พร้อมร้องเพลง 'You'll Never Walk Alone' เพื่อส่งกำลังใจให้ตำนานกุนซือผู้นี้ต่อสู้กับโรคร้ายให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ตัวของ สเวน เอง ก็ถึงกับน้ำตาคลอที่ได้รับการต้อนรับจากแฟนๆอย่างสุดแสนอบอุ่น

       "นั่นจะเป็นความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผม เป็นสิ่งที่สวยงามมากจริง ๆ การได้อยู่ตรงม้านั่งสำรองของ ลิเวอร์พูล เป็นความฝันของผมมาตลอดทั้งชีวิต ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว และมันเป็นวันที่สวยงามในทุก ๆ ความหมาย"

       "ผู้คน, เกมการแข่งขัน, เหล่าผู้เล่น, ทุก ๆ อย่าง มหัศจรรย์มาก ขอบคุณ ลิเวอร์พูล ที่ให้โอกาสนี้แก่ผมเพื่อเชิญมาคุมเกมสำคัญเช่นนี้"

       "มันเต็มไปด้วยอารมณ์ แล้วน้ำตาก็หลั่งออกมา นี่คือสโมสรในฝันของผมมาตลอดชีวิต แม้แต่ตอนที่ผมคุมทีมชาติอังกฤษ ผมก็ยังคอยเชียร์ ลิเวอร์พูล เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้"

       "มันเป็นการปิดฉากที่งดงาม แล้วยังได้ปิดฉากกับ ลิเวอร์พูล อีก มันไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว" สเวน กล่าวทิ้งท้าย

\"สเวน-โกรัน อีริคส์สัน\" กับฉากจบอันแสนงดงาม