22 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย ที่ อาคาร สตง.ถล่ม ย่านจตุจักร วันนี้ครบ 25 วัน เข้าสู่วันที่ 26 ของการค้นหาแล้ว มีข้อมูลอัปเดตตัวเลขของผู้เสียชีวิต เป็นข้อมูล ณ เวลา 18.00 น.ของวันที่ 21 เม.ย.68 (ข้อมูลจะอัปเดตในช่วง 6 โมงเย็นของทุกวัน วันละครั้ง) ล่าสุด ผู้เสียชีวิตขยับเป็น 51 ราย และผู้สูญหายที่ต้องเร่งค้นหาอีก 43 ราย
ซึ่งตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ยังคงใช้แผนเดิมในการเปิดพื้นที่ รื้อซากปรักหักพังจากทุกโซน เพื่อค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งระดับความสูงในตอนนี้ทั้ง 4 โซน เหลือไม่ถึง 10 เมตร แล้ว และจะยังเน้นเปิดพื้นที่ ค้นหาโซน B และ C ที่เป็นปล่องลิฟท์ และบันไดหนีไฟ หลังจากพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเมื่อวาน และช่วงเช้าวันนี้
รวมถึงในวันนี้ยังมีการนำเต็นท์เข้ามาติดตั้งภายในพื้นที่ปฏิบัติการเพิ่มเพื่อบังแดด อุปกรณ์ถังแก๊ซที่ใช้สำหรับตัดเหล็กด้วย
โดย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงความคืบหน้า ว่า การปฏิบัต้การรื้อซากอาคารถล่ม ช่วงเช้าวัดความสูงของซากอาคารในโซน A และโซน D อยู่ที่ 9.78 เมตร ส่วนโซน B และโซน C หากวัดตัวยอดที่สูงสุด 8.58 เมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะต่ำกว่านั้น 1 เมตรจึงเหลือประมาณ 7 เมตรกว่าๆ ทั้งนี้ ซากอาคารที่ลดลง และด้านข้างที่บางลง และเหลือระยะเวลาอีก 8วัน คาดว่าสิ้นเดือนจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ว่าจะถึงบริเวณชั้น 1 ของอาคารได้
ส่วนการพบร่างผู้สูญหายเมื่อวานนี้ พบที่โซน C จำนวน 2 ร่าง บริเวณช่องบันได และชิ้นส่วน 3 ชิ้น และช่วงสายที่ผ่านมา พบอีก 2 เคสช่วงช่องบันไดเช่นกัน และใกล้กับจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้
ส่วนรถบรรทุกเมื่อวานนี้ขนเศษเหล็ก เศษปูน ออกได้ 221 เที่ยว สอดคล้องรับกับเนื้องานที่มีการแยกชิ้นส่วนของปูน และเหล็ก ทำให้ไซต์งานมีพื้นที่เพียงพอในการทำงาน เนื่องจากมีการเพิ่มเครื่องจักรหนักเข้ามา โดยพบปัญหาคนขับรถแบคโฮบางเครื่องทำงานได้ถึงประมาณ 19.00 น. จะต้องพัก จึงมีการปรับว่ารถแบคโฮที่เข้ามาร่วมทำงานทั้งหมดรวมถึงเครื่องจักรหนักทั้งหมด 28 ตัว จะใช้การหมุนเวียนสับเปลี่ยนเพื่อให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนวันนี้ที่จะมีความร้อนมากจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ นายสุริยชัย มองว่า ไม่เป็นอุปสรรค เพราะการทำงานที่ผ่านมาเครื่องจักรกลหนักในห้องโดยสารจะเป็นแอร์ ส่วนเรื่องการลดอุณหภูมิได้มีการฉีดน้ำ เพื่อลดฝุ่นและลดอุณหภูมิตลอดเวลา จึงคาดว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกับทาง ปภ.ถึงศพที่ยังค้างอยู่ เพราะดูจากตัวเลขจะเห็นว่าศพอยู่มีประมาณ 51 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้สามารถยืนยันตัวเอกลักษณ์บุคคลได้แล้ว 49 ศพ ส่วนอีก 2 รายยังไม่สามารถยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้
ซึ่งร่างที่ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้แล้ว และมีอวัยวะครบนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนญาติไปแล้ว 37 ศพ ส่วนที่อวัยวะยังไม่ครบ แต่พบว่าเสียชีวิตแน่ๆ เช่น พบ ช่องอก แนวสันหลัง ร่างกาย แต่หากขาดมือ หรือเท้า ก็จะพิจารณาปล่อยศพไป โดยในวันนี้กองอำนวยการร่วมมีมติจะส่งร่างคืนให้กับญาติอีก 5 ศพ นั่นหมายความว่าจะส่งร่างคืนให้กับญาติรวมทั้งหมด 42 ศพ
พล.ต.ต.วาที บอกอีกว่า ส่วนประเด็นการเก็บพยานหลักฐานอยู่ระหว่าง การเก็บหลักฐานเพิ่มเติม โดยได้รับการดูแลจาก ปภ. ให้เข้าไปตามเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานไม่ได้ทำงานเพียงหน่วยงานเดียวยังมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง ทั้งโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะเข้าไปเก็บพยานหลักฐานพร้อมๆ กัน หากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ยังไม่ครบจะยังไม่ขอตอบว่าสาเหตุที่ทำให้อาคารถล่มลงมาเกิดจากสาเหตุอะไร
ส่วนการปรับแผนการรื้อถอนซากปรักหักพังชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ได้มีการประเมินกันว่าชั้นใต้ดิน น่าจะมีประมาณ 2 ชั้น ชั้นละ 2 เมตร 50 เซนติเมตร ดังนั้นเมื่อรื้อซากจนถึงระดับพื้นดินได้หมดแล้ว ก็จะมีการปรับแผนอีกครั้งว่าจะใช้เครื่องจักรตักขึ้นมา หรือจะใช้กำลังคนในการเข้าไปรื้อจากด้านล่างขึ้นด้านบน โดยจะต้องทำการประเมินอีกครั้ง