svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

เปิด 9 จุดอ่อน ของระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ กสทช. ถอดบทเรียนด้านระบบที่ประเทศไทยยังไม่มี เทียบเคียงกับของทวีปยุโรป

อย่าปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟาง คือ ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ซึ่งล้มเหลวโดยสิ้นเชิงจากกรณีแผ่นดินไหว จนถึงป่านนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยยังไม่ได้ข้อความแจ้งเตือนแม้แต่ข้อความเดียว

 

ขณะที่บางคนเริ่มได้รับโทรศัพท์จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แนะนำให้ลงทะเบียนรับการแจ้งเตือน หรือแจ้งยืนยันทางโทรศัพท์ว่าจะรับการแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือไม่

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

กลายเป็นความงุนงงสงสัยว่า เป็นศูนย์เตือนภัยฯโทรมาจริงๆ หรือคอลเซ็นเตอร์กันแน่ เพราะเรื่องแบบนี้ควรแจ้งเตือนเป็นการทั่วไปโดยไม่ต้องถาม และไม่ต้องลงทะเบียนก่อน

มีตัวอย่างดีๆ จากงานประชุมสัมมนาขององค์กร European Emergency Number Association หรือ EENA เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ไม่ใช่ของรัฐ เรียกว่า NGO ก็ได้ มีพันธกิจเรื่องการวางและพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยของสหภาพยุโรป มีสมาชิก 17 ประเทศ

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

หลักการ คือ เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย หรือภัยพิบัติ ผู้ประสบเหตุสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน ขณะที่การแจ้งเตือนภัย ก็ทำได้ทันการณ์ ครอบคลุม และกระจายไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อน และเพื่อความปลอดภัยสาธารณะในภาพรวม

 

การประชุมนี้จัดขึ้นที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ มีกรรมการ กสทช.ของไทย 2 คนไปร่วมด้วย คือ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร และ นายต่อพงษ์ เสลานนท์

 

โดย พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. เผยว่า ในการประชุมวันแรก มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์มากมาย

 

ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ เป็นจุดอ่อนที่ประเทศไทยยังไม่มี สรุปดังนี้

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

1.หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้รับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย หรือแจ้งเพื่อเตือนภัย ทั่วทั้งยุโรปใช้หมายเลขเดียว คือ 112 และรับแจ้งทุกเหตุ จากนั้นทางระบบจะบริหารจัดการต่อเอง

 

แตกต่างจากไทยที่มีการแยกย่อยหลายเบอร์ เช่น 191 แจ้งอาชญากรรม , 199 แจ้งเพลิงไหม้ , 1669 แจ้งป่วยฉุกเฉิน  

 

เมื่อมีหลายเบอร์ ทำให้ประชาชนสับสน จำไม่ได้ ยิ่งชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยว ยิ่งจำไม่ได้เลย และตัวเลขไม่ค่อยเป็นสากล

 

2.มีศูนย์แจ้งเตือนภัย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยเดียว รายเดียว บริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ

  • การโทรแจ้งเหตุ หรือแจ้งภัยพิบัติ ไม่ต้องเสียค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรือเบอร์บ้าน
  • การตอบสนองต้องทันท่วงที รวดเร็ว ฉับพลัน
  • มีระบบระบุตำแหน่งผู้โทร แม้เป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่ผู้โทรจะรู้ล่วงหน้าว่าระบบจะเปิดเผยตำแหน่งผู้โทรโดยอัตโนมัติ เพื่อลดระยะเวลาในการซักถามเกี่ยวกับสถานที่ และทีมช่วยเหลือสามารถเข้าที่เกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ ทันเวลา กรณีสัญญาณโทรศัพท์ขาด หรือประสบเหตุฉุกเฉินจนพูดต่อไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าถึงจุดที่ประสบเหตุได้เลย


โดยระบบทั้งหมดนี้ ประเทศไทยยังแทบไม่มี 

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

3.การสื่อสารข้อมูลฉุกเฉิน หรือข้อความแจ้งเตือนภัย ต้องครอบคลุมชาวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงด้วย

 

ฉะนั้นข้อความแจ้งเตือน ต้องเปลี่ยนภาษาไปตามภาษาที่ตั้งไว้ในเครื่องโทรศัพท์ ไม่ใช่เตือนเป็นภาษาท้องถิ่นที่เครื่องนั้นเปิดใช้อยู่ เพราะหากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะอ่านไม่เข้าใจ

 

โดยระบบนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มี

 

4.กลุ่มคนพิการ กลุ่มเปราะบาง ต้องสามารถเข้าถึงบริการได้ อย่างน้อย 1 ช่องทาง จาก 3 ช่องทางที่มีการแจ้งเตือน

  •  หนึ่ง เตือนด้วยเสียง
  •  สอง เตือนด้วยระบบสั่น
  •  สาม เตือนด้วยระบบไฟแฟลชจากโทรศัพท์

 

หากเป็นคนทั่วไป อยู่กับเครื่องโทรศัพท์ เวลามีแจ้งเตือนภัยพิบัติ จะรับได้ทั้ง 3 ช่องทาง

 

กรณีคนที่ไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์ จะได้รับการแจ้งเตือนทางเสียง กับไฟแฟลช

 

กรณีคนพิการหรือกลุ่มเปราะบาง จะได้รับการแจ้งเตือนอย่างน้อย 1 อย่าง เช่น พิการทางสายตา ก็จะได้เสียง พิการทางการได้ยิน ก็จะได้ไฟแฟลช และระบบสั่น เป็นต้น 

 

โดยระบบนี้ ประเทศไทยยังไม่มี หรือมีบ้างแต่ก็ไม่ครอบคลุม

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

5.วิธีการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยพิบัติ หรือเหตุด่วนเหตุร้ายอื่นๆ หลักการคือ

  • หนึ่ง แจ้งเหตุด้วยข้อความสั้นๆ เข้าใจง่าย อ่านแล้วเข้าใจทันที
  • สอง แจ้งวิธีปฏิบัติตัว สั้นๆ เช่น แผ่นดินไหว หาที่หลบภัยทันที หรือ สึนามิ ขึ้นที่สูงทันที โดยไม่ใช่แจ้งเตือนเป็นข้อๆยาวๆ เหมือนบางประเทศทำอยู่

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

6.ต้องมีระบบเสริม กรณีเกิดแผ่นดินไหว หรือสึนามิ แล้วโครงข่ายโทรศัพท์มือถือถูกทำลาย

 

ต้องใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ เช่น สตาร์ลิงค์ วันเว็บ กาลิเลโอ ส่งข้อความแจ้งเตือนได้

 

7.ต้องมีระบบให้ผู้ประสบเหตุภัยพิบัติ ส่งข้อความขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียมได้ ในกรณีที่ติดอยู่ในจุดที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อย่างน้อยเพื่อระบุตำแหน่ง

 

เปิด 9 จุดอ่อน กสทช.ถอดบทเรียน ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่ไทยไม่มี

 

8.เมื่อเกิดภัยพิบัติ ต้องมีข้อความแจ้งเตือนผ่านแพลตฟอร์มอื่น เช่น โทรทัศน์ เตือนที่หน้าจอทันที หรือบิลบอร์ดต่างๆ และมีคิวอาร์โค้ด ให้สแกนข้อมูลแบบยาวขึ้น นอกเหนือจากคำเตือนแบบสั้นๆ เช่น วิธีการปฏิบัติตัวแบบละเอียด

 

9.เหตุฉุกเฉิน นอกจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ให้รวมถึงการโจมตีในที่สาธารณะ การก่อการร้าย หรือแม้แต่เด็กหาย คนหาย ก็ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินทั้งหมด เพียงแต่การแจ้งเตือนจะกำหนดพื้นที่ตามขนาดของผลกระทบของเหตุการณ์

 

พล.ต.อ.ณัฐธร บอกด้วยว่า ข้อมูลเหล่านี้ถือว่า มีความสำคัญสำหรับประเทศไทยที่กำลังเร่งวางระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติ เพราะหลายๆ เรื่องเราอาจมองข้าม จึงต้องศึกษาประสบการณ์จากหลายๆประเทศที่พัฒนาระบบมาก่อนไทย โดยเฉพาะสหภาพยุโรปที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มาก

    News Hub