11 พฤศจิกายน 2567 ที่กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ กทม. "เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง" พร้อมด้วย "อดีตเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก" ในนาม "กลุ่มผู้ถูกเจียระไน" และ"ตัวแทนผู้ปกครอง เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว และเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและเยาวชน กว่า 30 คน
เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เพื่อขอบคุณที่ผลักดันร่างกฎกระทรวงตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยแกนนำได้ร่วมกันมอบแจกัน "เสน่ห์รอยร้าว" ให้กับรัฐมนตรียุติธรรม เพื่อยืนยันเชิงสัญลักษณ์ว่า ความผิดพลาดของเด็กและเยาวชน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซ่อมได้และคืนคุณค่ากลับมาได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นความพยายามของคนในอดีตหลายคน โดยเฉพาะตัวอย่างที่บ้านกาญจนาฯ ซึ่งเป็นการพัฒนาคน โดยกระทรวงยุติธรรมมีกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย ประกอบด้วย กรมคุมประพฤติ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่มีการรอคอยหลังจากกฎหมายเกิดขึ้นมา 13 ปี
เนื่องจากเรามองว่ารูปแบบของบ้านหรือสถานพัฒนาฝึกอบรมเด็กและเยาวชน ตามกฎหมายควรมีความหลากหลาย มิใช่อยู่ในราชการอย่างเดียว และต้องมีความเหมาะสมกับบริบทในการพัฒนาคน ทั้งนี้ รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมมีความประสงค์ที่อยากจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในความยุติธรรมทุกขั้นตอน โดยวันนี้ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะผลักดันกระบวนการยุติธรรมที่เป็นทางเลือกหรือยุติธรรมสมานฉันท์
ซึ่งควรจะได้รับการยอมรับและมีการใช้กันมากขึ้น เพราะเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของทุกฝ่าย วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญและต้องภูมิใจแทนน้องๆ เยาวชนที่ได้ผลักดันเรื่องนี้ขึ้นมา ถือเป็นการยกระดับสิทธิและเสรีภาพของเยาวชนอีกก้าวหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัวภาย กล่าวว่า ตนในนามของเครือข่ายคนทำงานด้านเด็ก เยาวชน ขอขอบคุณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่ผลักดันร่างกฎกระทรวงตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ เข้าครม.จนสำเร็จ หลังมีการผลักดันเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน
"กฎกระทรวงดังกล่าวมีเจตนารมณ์คือให้ กรมพินิจฯ สามารถออกใบอนุญาตหรือยกเลิกใบอนุญาตให้นิติบุคคลได้ เป็นก้าวสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ภาคสังคมได้มีส่วนร่วมในการที่จะขอจัดตั้งสถานดูแล ควบคุมเพื่อทำกิจกรรม ฟื้นฟู เยียวยา เจียระไน ฯลฯ เด็กและเยาวชนที่ถูกพิพากษาได้ โดยสามารถนำองค์ความรู้ของศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก มาศึกษาและนำนวัตกรรมลดการกระทำผิดซ้ำเหล่านั้น มาปรับใช้ กระบวนการทำงานของบ้านกาญจนาภิเษก
ซึ่งมีนางทิชา ณ นคร เป็นผู้อำนวยการ จากประสบการณ์ 20 ปีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนผ่านจากระบบอำนาจนิยมสู่อำนาจร่วม และการดูแลเยาวชนผู้กระทำความผิดด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสม ช่วยลดการทำผิดซ้ำได้สำเร็จถึงร้อยละ 90-95 เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานกับเยาวชนที่หลงผิดนั้นเป็นไปได้และต้องทำให้เห็น ตั้งแต่หลักคิด วิธีการ แม้เยาวชนจะก้าวพลาดเข้าสู่เส้นทางมืด แต่ด้วยการดูแลที่ถูกต้อง เข้าใจ และให้โอกาส พวกเขาสามารถกลับมาเป็นพลังบวกให้กับสังคมได้" นายชูวิทย์ กล่าว
ด้าน นายอภิรัฐ สุดสาย อดีตเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ในนามกลุ่มผู้ถูกเจียระไน กล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ท่าน พ.ต.อ.ทวี ได้ให้เกียรติและเปิดโอกาสรับฟังพวกเราอย่างจริงใจเสมอ นับตั้งแต่การมารับข้อเรียกร้องและพูดคุยกับเราในวันที่ 2 ตุลาคม การลงไปเยี่ยม ไปรับฟังที่บ้านกาญจนาภิเษก จนกระทั่งการผลักดันกฎกระทรวงนี้อย่างจริงจัง เป็นผลสำเร็จที่เรารอคอยมานานสิบกว่าปี
การมาในวันนี้เรามีจุดยืนและมีข้อเสนอดังต่อไปนี้
1.เราขอขอบคุณท่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ท่านอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมทั้ง คณะรัฐมนตรี ที่มีมติเห็นชอบกฏกระทรวง ตามมาตรา 55 ด้วยเห็นถึงความสำคัญของกระบวนการทำงานของบ้านกาญจนาภิเษกที่ลดการกระทำผิดซ้ำของเยาวชน และขอให้เร่งขยายผลการทำงานของศูนย์ฝึกบ้านกาญจนาภิเษกให้เข้าไปถึงสถานพินิจฯหรือศูนย์ฝึกฯอื่น
2.เห็นด้วยกับการสนับสนุนพัฒนาให้ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก ทำหน้าที่อีกด้านหนึ่งให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางสังคม (social lab) เปิดพื้นที่ให้หน่วยงานผู้ทำงานด้านเด็กและเยาวชน ได้เข้ามาศึกษาดูวิธีการทำงานของผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลศูนย์ฝึกและศึกษากระบวนการที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนระบบความคิดของเยาวชนผู้ก้าวพลาดให้กลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีภูมิคุ้มกันที่พร้อม
3.ขอให้มีการจัดตั้งกองทุน หรือระบบเงินกู้ยืม (คล้ายกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ.) เพื่อให้เด็กและเยาวชนผู้ก้าวพลาดได้มีโอกาสกู้ยืมเงินเพื่อเป็นต้นทุนชีวิต ใช้ตั้งหลักในการประกอบอาชีพ มีระบบพี่เลี้ยงติดตามให้สามารถส่งคืนตามเงื่อนไขที่กำหนดได้
และ4.เราขอวิงวอนให้สังคมให้โอกาสให้เยาวชนที่หลงผิดก้าวพลาดที่ผ่านการดูแลที่ถูกต้องด้วยความเข้าใจ มีโอกาสที่จะได้หางานหรือได้สมัครทำงานได้ตามความสามารถหรือความตั้งใจ รวมถึงการมีโอกาสสมัครงานเป็นข้าราชการเพื่อได้รับใช้และช่วยเหลือสังคมได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปครับ
นางเฉลิมขวัญ เย็นเสมอ แม่ของอดีตเยาวชนฯบ้านกาญจนาภิเษก หนึ่งในผู้ปกครองที่มาในวันนี้ กล่าวว่า ในวันที่ได้เจอลูกหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษก ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวลูก ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานที่ลูกได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้าน ยิ่งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
มีการเล่นกับน้อง พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ช่วยทำงานบ้าน กินข้าวพร้อมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีวิธีจัดการกับอารมณ์ตัวเอง และสถานการณ์ท้าทายต่างๆ เรียกได้ว่ารับมือได้ดี จนแม่เองและคุณพ่อยังตกใจ แม้ในอดีตลูกชายจะโดนข้อหาหนักแต่กระบวนการแบบบ้านกาญจนาภิเษก
โดย "ป้ามล" ทิชา ณ นคร คือผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก สามารถเปลี่ยนแปลงลูกของตัวเองได้จริง ตนขอยืนยัน ถือเป็นของขวัญที่มีค่ามากๆที่สุดในชีวิต และอยากขอบคุณท่าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และท่านอธิบดีฯ ที่ช่วยผลักดันจนมีกฎกระทรวงนี้ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่สำคัญให้กับบ้านกาญจนาภิเษกด้วย
ดูคลิป