14 ตุลาคม 2567 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จากรายงานผลการปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ตั้งแต่ 16 ส.ค. - 12 ต.ค. 67 ได้รายงานถึงภาพรวมของสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ส่งผลกระทบใน 58 จังหวัด และขณะนี้ยังคงมีจังหวัดที่ประสบภัยอยู่ 17 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยมีจำนวน 41 จังหวัดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูแล้ว ซึ่ง ศปช. ได้มอบให้กระทรวงกลาโหม บูรณาการดำเนินการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาจากเหตุอุทกภัย พร้อมมอบภารกิจเพิ่มเติมเพื่อเตรียมการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ได้กำชับเหล่าทัพในการบูรณาการระหว่าง กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) กองทัพบก( ทบ.) กองทัพเรือ (ทร.) และ กองทัพอากาศ (ทอ.) เร่งระดมกำลังพล และยุทโธปกรณ์ตามการแบ่งมอบหน้าที่ ในการสำรวจพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อเตรียมการช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อเกิดภัยในพื้นที่ ตำบลชนแดน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
รวมถึงการฟื้นฟู ทำความสะอาด และขุดตักดินโคลนที่ทับถมบ้านพักอาศัย และพื้นที่สาธารณะให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอสารกี และอำเภอเมือง) และจังหวัดเชียงราย (ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย) รวมถึงมอบถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภค พร้อมน้ำดื่มให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารกี จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อการบรรเทาความเดือดร้อนในขั้นต้น
พร้อมกันนี้ ให้ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดนนบุรี มอบถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องอุปโภค - บริโภค ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ชุมชนท่าน้ำปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
และร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดปทุมธานี บรรจุและขนย้ายกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ในพื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากเป็นเส้นทางมวลน้ำไหลจึงส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยายังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ร่วมกับทุกภาคส่วนเร่งทำแนวคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันพื้นที่บ้านเรือนประชาชน พื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมจัดกำลังพลเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง