วันที่ 10 ตุลาคม 2567 นางสาว กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ นำตัวเเทนผู้เสียหายจากผู้ดำเนินธุรกิจ ของ The Icon Group เข้ายื่นหนังสือต่อ นายจิติภัทร์ บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งศูนย์ฯ ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนอย่างต่อเนื่องจากในเครือข่าย มีผู้เสียหายมีประมาณ 110 รายโดย 89 ราย อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนอีก 21 รายเป็นผู้เสียหายใหม่ยังไม่เข้าสู่ขบวนการ
สำหรับ ธุรกิจออนไลน์ สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือการแก้ปัญหาเพียงเฉพาะหน้าหรือแบบ "ไฟไหม้ฟาง" ที่เมื่อเกิดปัญหาครั้งหนึ่งแล้ว เราเพียงแต่สุดท้ายก็มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เราควรตั้งคำถามว่าเราได้เรียนเสียหายเหล่านี้บ้าง พระราชบัญญัติขายตรง และตลาดแบแบตรง พ.ศ. 2545 เป็นกฎหมายที่ควบคมธรกิจทั้ง 2 ประเภท ได้แก่
1. ธุรกิจขายตรง (MLM) ที่ทำการขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายสมาชิก
2. ธุรกิจตลาดแบบตรง (ออนไลน์) ที่ดำเดินการผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดปัญหามากมายในปัจจุบัน
ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายนี้ ควรเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจที่ดำเนินการไม่โปร่งใสสามารถหลอกลวงผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
และเป้าหมายของศูนย์ข่าวต้านโกง คือ ผู้เสียหายต้องได้รับเงินคืน ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย,ต้องเกิดมาตรการการป้องกันที่ยั่งยืน สร้างมาตรการการปัองกันที่ยั่งยืน การร้องเรียนเพียงเพื่อให้ได้แต่ต้องมีการป้องกันตั้งแต่ต้นน้ำด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดผลลัพธ์เฉพาะหน้า ไม่เพียงพอเหตุการณ์ซ้ำรอย เพราะหากรัฐไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง ปัญหาเหล่านี่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งแล้วครั้ง ครั้งเล่า
ส่วนกรณีที่ดาราดังอ้างว่าเป็นเเต่พรีเซนเตอร์ จะลอยตัวไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นผู้ร่วมดำเนินการ ต้องรับผิดชอบในส่วนที่กระทำ ลอยตัวไม่ได้ เปรียบเทียบเสมือนเเม่ทีมขายตรง คนเหล่านี้ มีความน่าเชื่อ คนเหล่านี้ขายชื่อเสียง เวลาคุณได้คุณเอา คุณขายเครดิต ขายชื่อเสียงตัวเอง คุณขายความน่าเชื่อถือ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ในเชิงโครงสร้างทางกฏหมายเหมือนเป็นลักษณะของผู้ร่วมขบวนการ ถือว่าเป็นตัวประกอบร่วมด้วย หากไม่มีดารา ความน่าเชื่อถือมันจะน้อยลงไปกว่านี้ ไม่เสียหายมากเท่านี้
ด้าน นายจิติภัทร์ บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เป็นตัวเเทนในการเจราจาไกล่เกลี่ย ให้ผู้เสียหาย และพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามาในระบบ ตั้งเเต่ปี 2563 เพียง 15 ราย ความเสียหายคนละ 1~2 เเสน การเเก้ไขของ สคบ.ที่รับเรื่องมา เป็นตัวเเทนเจรจาไกล่เกลี่ยให้ผู้เสียหาย
ซึ่งจากการร้องเรียนมา 15 ราย ยุติไปเเล้ว 12 ราย อีก2 อยู่ระหว่าวเจรจา ส่วนล็อตใหม่ที่กำลังเข้ามาจะรับเรื่องไปตรวจสอบการประกอบธุรกิจอีกครั้ง
ทั้งนี้ สคบ.ได้อนุญาติให้บริษัทเเห่งนี้ ประกอบธุรกิจขายตรงปี 2562 หลังจากนั้น ทางบริษัทยื่นขอจดทะเบียนขายตรงในปี 2565 เเจ้งว่าเป็นลักษณะการขายปลีก กำไรที่ได้มาจากส่วนต่างสินค้า ซื้อมากได้ลดมาก ซื้อน้อยลดน้อย นายทะเบียนจึงไม่รับจดทะเบียนขายตรง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบความเสียหายของประชาชนค่อนข้างมาก ทาง สคบ.จะรับไปตรวจสอบ ยืนยันว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้บริโภค เเละประสาน ดีเอสไอ ในเรื่องของการฉ้อโกงประชาชน โดยจะดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ส่วนกรณีที่ สคบ .เคยมอบโล่ห์รางวัล ให้กับบริษัทเเห่งนี้ ชี้เเจงว่า การมอบโล่ห์รางวัลในวันคุ้มครองครองผู้บริโภคไทย เป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่ส่งเสริมผู้ทำคุณประโยชน์ ที่ผ่านมามีคณะกรรมธิการสภาผู้เเทนราษฎร ลงพื้นที่บริษัทดังกล่าว ก็เข้ามาสนับสนุน เเมส เเอลกอลฮอล ที่ผ่านมา ผ่านเกณฑ์ พิจารณา เเละ ได้รับมอบโล่ห์ในปี 2564 เเต่มอบรางวัลในปี 2565
เเต่อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบพบว่า ผิดธรรมมาภิบาล เเละ ทำให้ สคบ.เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็จะยึดรางวัลคืน
สำหรับผู้เสียหาย สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนได้ที่ สคบ. หรือ ที่ศูนย์ดำรงธรมของเเต่ละหวัด ในสัปดาห์นี้ทาง สคบ.จะลงพื้นที่ตรวจสอบภายในบริษัท และในสัปดาห์หน้าก็จะมีการเชิญ ผู้บริหารของบริษัทรวมถึงดารา และผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ