svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ทพญ. ร้อง ปคบ.ตรวจสอบคลินิกดัง ฉีดฟิลเลอร์จนหน้าเบี้ยวทั้งครอบครัว

ทันตแพทย์หญิงร้อง ปคบ.ตรวจสอบคลินิกดังย่านสยาม ฉีดฟิลเลอร์จนหน้าเบี้ยวทั้งครอบครัว สูญเงินนับล้าน ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายอีกกว่า 10 ราย ซ้ำถูกหมอท้าให้ฟ้อง

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ "จ่าคิงส์ สะพานใหม่" พา ทันตแพทย์หญิง เกศริน ชัฎสุนทร อายุ 42 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.ธีรภาพ ล้วนเส้ง รอง ผกก.สอบสวนกก.4 บก.ปคบ. เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายแพทย์ เจ้าของคลินิกชื่อดังย่านสยาม หลังใช้บริการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้าหน้าเป็นเหตุให้หน้าเบี้ยวผิดรูป เสียเงินค่ารักษากว่า 1 ล้านบาท 

ทันตแพทย์หญิง เกศริน กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยแม่และพี่สาว ได้ไปฉีดหน้ากับนายแพทย์คนดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟู มีคลินิกเสริมความงาม 3 สาขาทั่วประเทศ มีเหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์มาฉีด และโฆษณารีวิวจำนวนมาก มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ใจกลางกรุง จึงหลงเชื่อเข้ารับการปรึกษาและฉีดฟิลเลอร์ โดยตกลงฉีดฟิลเลอร์ให้ตนเองที่ 15 cc , พี่สาว 11 cc 

ส่วนแม่ซึ่งอายุมาก แพทย์อ้างว่าไม่จำเป็นต้องศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า แค่ฉีดฟิลเลอร์ก็เห็นผลได้ โดยจะฉีดให้30 cc แต่เมื่อฉีดเสร็จ กลับพบว่าแพทย์ฉีดอัดฟิลเลอร์ให้มากกว่าที่ตกลงกันไว้โดยไม่แจ้ง โดยฉีดให้ตนเอง 18 cc , พี่สาว 22 cc , และแม่ 37 cc เรียกเก็บค่าหัตถการ 1 ล้านบาท 

ทันตแพทย์หญิง เกศริน กล่าวต่อว่า หลังจากฉีดเป็น 1 สัปดาห์ หน้าแม่ช่วงล่างก็เริ่มหย่อนคล้อย ไม่เท่ากัน และมีรอยแยกเหนือคิ้วทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นตนเองกับพี่สาวก็เริ่มใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจและหน้าที่การงาน เพราะไม่มีความมั่นใจที่จะออกไปพบเจอผู้คน หรือรักษาคนไข้ เมื่อติดต่อกลับไปให้แพทย์คนดังกล่าวรับผิดชอบกลับบอกว่าจะแก้ไขให้ แต่ไม่คืนเงิน ซึ่งการแก้ไข ก็เป็นการที่ฉีดสารสีใสบางตัวเข้าไปที่หน้าของตนเอง อ้างว่าจะช่วยสลายไขมัน ทำให้หน้าเท่ากัน แต่หลังฉีด ปรากฎว่าหน้าเบี้ยวหนักกว่าเดิมอีก 

ขณะที่ พี่สาวก็ถูกแพทย์กดบีบใบหน้าอย่างรุนแรงจนฟิลเลอร์ไหลไปกองที่กระพุ้งแก้ม จนผิดรูป ส่วนคุณแม่ แพทย์อ้างว่าที่ฉีดฟิลเลอร์ให้ไป 37 cc นั้นไม่เพียงพอ หน้าถึงหย่อนคล้อย ต้องฉีดมากกว่า 50 cc ตนเองจึงไม่ให้คุณแม่รับการแก้ไข เพราะมองว่ามากเกินไป 

ทันตแพทย์หญิง เกศริน กล่าวอีกว่า จากนั้นได้ไปปรึกษากับอาจารย์แพทย์ที่สนิทบอกว่า สาเหตุที่หน้าผิดรูป เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่มากเกินไป จากปกติไม่ควรฉีดเกิน 10 cc ต่อคน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ฟิลเลอร์จะหลุดเข้าไปในหลอดเลือด และทำให้ตาบอดได้ หรืออาจไปกดทับผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบ และเกิดภาวะขาดเลือดได้ 

ส่วนในผู้สูงอายุ ต้องมีการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าควบคู่กันไปด้วย ไม่ใช่อัดฟิลเลอร์เข้าไปจำนวนมาก ทางแก้คือต้องสลายฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป ซึ่งตอนนี้ตนเองกับครอบครัว ก็เข้ารับการรักษาสลายฟิลเลอร์อยู่ มีค่ารักษาหลายหมื่นบาท หน้าจึงเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ และไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ 

"ที่ออกมาร้องทุกข์ เพราะมาทราบหลังตรวจสอบกับแพทยสภาว่า นายแพทย์คนดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟูตามที่กล่าวอ้าง เป็นเพียงแพทย์ทั่วไป และแพทยสภา รวมถึง สคบ. ยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีผู้เสียหายมาร้องเรียนแพทย์ และคลินิกดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10 คน นอกจากนี้ แพทย์คนดังกล่าวยังเคยท้าให้ไปฟ้องแพทยสภา สคบ. หรือ ศาล อย่างไรไม่ชนะเขาหรอก" ทันตแพทย์หญิง เกศริน กล่าว 

ทันตแพทย์หญิง เกศริน กล่าวด้วยว่า ตนเองยอมรับว่าส่วนหนึ่ง มาจากที่ตนเองไม่รอบคอบ ไม่ตรวจสอบชื่อนายแพทย์คนดังกล่าวให้ดีก่อน เพียงดูรีวิวและเชื่อคำโฆษณาเหมือนกับประชาชนทั่วไป แต่ที่ออกมาเรียกร้องในวันนี้เพราะต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแพทยสภาและ สคบ. ออกมาดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะแม้จะมีผู้เสียหายจำนวนมากขนาดนี้ แต่นายแพทย์คนนี้กลับยังเปิดคลินิกประกอบวิชาชีพมีรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาท มีทรัพย์สินเป็นพันล้านบาท ทั้งที่อาจทำให้มีคนไข้ได้รับความเสียหายลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น 

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับเรื่อง พร้อมสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป