svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"เสี่ยเจษ" เจ แอนด์ บี เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส. ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตราย

18 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เสี่ยเจษ" เจ แอนด์ บี เจ้าของโกดังซุกแคดเมียม จ.สมุทรสาคร เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส. ยอมรับส่งขายให้คนจีนที่ประเทศลาว ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

18 เมษายน 2567 นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ บริษัท เจแอนด์บี เมททอล จำกัด จ.สมุทรสาคร พร้อมทนายความ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กรณีครอบครองกากแคดเมียม

พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. บอกว่า วันนี้เป็นการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายเจษฎา เข้ามาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งนายเจษฎา และภรรยา ที่เป็นกรรมการบริษัทได้เข้ามาพบทั้งสองคน เบื้องต้นนายเจษฎา ได้ขอดูการร้องทุกข์กล่าวโทษว่า มีการกล่าวหาในข้อหาใดบ้างเพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาชี้แจง

แต่จากการพูดคุยกับนายเจษฎา พบว่า กากแคดเมียมมีสัญญาซื้อขาย ระหว่าง บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ฯ กับตัวของนายเจษฎา ขายที่น้ำหนัก 1.25 บาท ต่อกิโลกรัม

ในสัญญาระบุว่า บริษัทเบาด์ แอนด์ บียอนด์ เป็นผู้ขาย และ บริษัท เจแอนด์บี ของนายเจษฎา เป็นผู้ซื้อ และเป็นผู้รับกำจัด แต่ตัวหัวข้อเป็นสัญญาซื้อขายกากแคดเมียม กากสังกะสี ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องมาวิเคราะห์ว่าสัญญาเป็นการขาย หรือเป็นการกำจัด และจะต้องสอบปากคำให้ชัดเจน

"เสี่ยเจษ" เจ แอนด์ บี เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส.  ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตราย

และนายเจษฎา ให้ข้อมูลว่า สุดท้ายจะส่งออกไปขายต่อที่ลาว โดยมีคนจีนรอรับซื้อที่ลาว ซึ่งที่นั่นสามารถรอรับซื้อ แคดเมียม สังกะสี และทองแดงได้ ทั้งนี้ นายเจษฎา พยายามจะขนไปตามสนธิสัญญาบาเซล เพื่อนำไปกำจัดแยกกากแต่ละประเภท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีเรื่องก่อนจึงไม่สามารถดำเนินการได้

ส่วนการขายก่อนหน้านี้เป็นการติดต่อซื้อขายกับนายจางคนเดียวจำนวน 5,000 ตัน แล้วส่งไปชลบุรี ตามสัญญาซื้อขายที่ปรากฏเพียงแค่คนเดียว ซึ่งการขายให้นายจาง ปลายทางไม่ได้ไปที่ประเทศลาว และเป็นลักษณะของการแบ่งขายออกไปก่อนระหว่างรอนำทั้งหมดไปขายที่ลาว ส่วนล็อตที่จะขายไปลาวนั้น ก็อยู่ระหว่างติดต่อทางจีนว่าจะซื้อเท่าไร และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์สารในแต่ละถุงว่ามีอะไรบ้าง

"เสี่ยเจษ" เจ แอนด์ บี เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส.  ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตราย

พล.ต.ต.วัชรินทร์ กล่าวอีกว่า ใบอนุญาตของนายเจษฎา คือใบอนุญาตกำจัดตัวแคดเมียม และอลูมิเนียม แต่สัญญาซื้อขาย ระบุว่า รับมาเพื่อเป็นผู้ซื้อมากำจัด และนายเจษฎา ก็มีเครื่องจักร ที่ใช้ในการกำจัด แต่เครื่องอยู่ระหว่างการซ่อมแซม มีรูปถ่ายมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องไปตรวจสอบเครื่องจักรดังกล่าวด้วย

แต่ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่า นายเจษฎา นำกากอุตสาหกรรมทั้งหมดมาเพื่อการขายต่อ ซึ่งจริงๆ ไม่สามารถขายต่อได้ตามสัญญา และนายเจษฎา ยังให้การว่าที่ต้องเอาไปฝาก เพราะโกดังเก็บไม่เพียงพอ และทุกอย่างเจษฎา จะดำเนินการทั้งหมด ทั้งการเช่าโกดัง และการขนส่งมาบริษัทนายจาง

ส่วนประเด็นที่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องและรู้เห็นหรือไม่นั้น พล.ต.ต.วัชรินทร์  ระบุว่า อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะเมื่อแคดเมียมมาถึงปลายทาง ก็จะเป็นหน้าที่ของอุตสหากรรมจังหวัดสมุทรสาคร จะต้องไปตรวจสอบ

ส่วนการขออนุญาตขนย้าย เป็นการขออนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่หากตำรวจได้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็น หรือหากพบความเชื่อมโยงถึงใคร โดยเฉพาะเส้นทางเงิน มีการโอนให้เจ้าหน้าที่อื่นหรือไม่นอกจากจ่ายค่าซื้อขายแล้วนั้น ก็จะทาง บก.ปปป. ก็จะดำเนินการทางกฎหมาย

ยืนยันว่า นายเจษฎา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และนายเจษฎา บอกว่า ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นนักการเมืองไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ เพราะแยกกันดำเนินการมาเป็นสิบปีแล้ว และจากการสอบถามไม่มีการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐคนใดด้วย เพราะตัวนายนายเจษฎา จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่คนรวย แต่เป็นการกู้ยืมเงินมาเพื่อซื้อขายเกร็งกำไร

ส่วนจากการตรวจสอบบริษัทต้นทางบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัดพบความผิดอะไรบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.วัชรินทร์ เปิดเผยว่า บริษัทต้นทางต้องรับผิดชอบตามประกาศกระทรวง ปี 66 และผู้ก่อมลพิษก็ต้องรับผิดชอบหากก่อมลพิษ ส่วนการขนย้ายยังไม่พบว่าบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์  มีความผิดในตอนนี้เพราะในสัญญาซื้อขายระบุชัดว่า ให้ เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด รับผิดชอบทั้งหมดทั้งเรื่องการประสานงานเจ้าหน้าที่การขนย้ายการขอ EIA ผู้ขายจะไม่รับผิดชอบโดยให้วางเงินมัดจำไว้ประมาณ 10 ล้านบาท หากมีความเสียหาย

"เสี่ยเจษ" ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ขณะที่ นายเจษฎา ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชน ถึงข้อเท็จจริงที่ครอบครองกากอุตสาหกรรม ยืนยันว่า ตนเองทำถูกต้องทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางมาถึงปลายทาง และบริษัทเจแอนด์บี เป็นโรงหลอม โรงหล่อ ก็ไปประมูลกากอุตสาหกรรมมา ในราคา 8 ล้านบาท เพื่อนำไปขาย และตนเองต้องการสังกะสี กับทองแดง แต่แคดเมียม เป็นองค์ประกอบ ซึ่งส่วนผสมของแคดเมียม มีเพียงแค่ 35% ไม่ได้อันตรายมาก

ส่วนที่ต้องนำไปฝากตามจุดต่างๆ เพราะมีจำนวนมากจึงต้องไปเช่าโกดัง และตนเองเป็นพ่อค้า นอกจากเอามากำจัดแล้ว  แต่เมื่อหมุนเงินไม่ทัน จึงแบ่งเอาไปขายบ้าง ก็คือการขายให้นายจาง โดยยอมรับผิดส่วนนี้ ว่าเป็นการนำไปขายต่อโดยไม่ถูกต้อง

ยอมรับว่ากากอุตสาหกรรมทั้งหมด ซื้อมาเพื่อเตรียมนำไปขายต่อที่ประเทศลาว แต่อยู่ระหว่างการขออนุญาตตามสัญญาบาเซล ซึ่งหากนำไปขายที่ลาวจะขายแพงกว่าที่ขายให้นายจาง 8.25 ต่อกิโลกรัม และจะขายป็นแบบ จัมโบ้แบ็ก เพื่อไปให้ลาวแยกทองแดง สังกะสี แคดเมียม ซึ่งเป็นกากที่ตนเองต้องการ

ทั้งนี้ กากอุตสาหกรรมทั้งหมด ตนเองประมูลได้จากการแข่งขันกัน 4 บริษัท จึงมองว่าคนที่ประมูลไม่ได้น่าจะมากลั่นแกล้งตนเองหรือไม่ โดยหลังจากนี้ก็เตรียมที่จะดำเนินคดีกลับด้วยที่ทำให้ตนเองเสียหาย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีกับใคร แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ

"รู้สึกถูกหลอกและโดนลอยแพ จากสัญญาที่ทำกับบริษัทต้นทาง ที่ตนเองต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด เหมือนเค้าหลอกขายผม หลอกให้เซ็นผูกมัดผมอีก เอาเปรียบทุกอย่าง ซึ่งตอนแรกผมก็สงสัยในประเด็นนี้ แต่เมื่อมองในแง่ของกำไรตนเองได้มากกว่าจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่หากถามว่าจะต้องมีคนผิดจริงๆจะต้องไปที่ต้นทางผู้ก่อกำเนิดว่าถูกต้องหรือไม่" นายเจษฎา กล่าว

นายเจษฎา ยังยืนยันอีกว่า การทำธุรกิจของตนเอง ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะตนเองทำธุรกิจนี้มา กว่า 40 ปีแล้ว และไม่มีการเมืองใดๆ มาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น "การเมืองที่ไหนมั่วไปหมด"

กากแร่แคดเมียมไม่ได้อันตรายตามที่สื่อบางสื่อลง และมีความปลอดภัย เพราะกากแร่แคดเมียม มีผสมอยู่ในถ่านรีโมทของทุกบ้าน หรือแบตเตอรี่รถยนต์ ขออย่าไปตกใจ ลองไปเปิด Google ดูก็ได้ว่ากากแร่แคดเมียมไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด

ส่วนจะรับผิดชอบอย่างไรนั้น นายเจษฎา บอกว่าตนเองไม่ทราบว่า แคดเมียมจะมีผลต่อมนุษย์อย่างไร ทั้งนี้จะต้องดูว่า มีผลกระทบหรือไม่ และแถวบริษัทของตนเอง ก็เป็นโรงหลอมหมด ก็ไม่รู้ว่าคนที่โดนสาร จะมาโดนสารจากโรงหลอมตนเองหรือไม่ด้วย พร้อมยืนยันด้วยว่า กากอุตสหกรรมที่เจอทั้งหมดนั้น เจอครบทั้งหมดแล้ว ไม่มีนอกเหนือจากนี้แล้ว

สำหรับในวันนี้ นายเจษฎา จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 4 คดี คือ

  • ที่ตั้งบริษัท เจแอนด์บี 132 หมู่ 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่ จะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.โรงงาน
  • ที่ตั้งบริษัท เจแอนด์บี 136/2 หมู่ 2. ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร มีความผิด ข้อหา ครอบครองวัตถุอันตราย เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในใบอนะญาตเป็นปลายทางของกากแคดเมียม
  • มีความผิด ข้อหา ร่วมกันครอบครองวัตถุอันตราย กรณีที่ได้ทำสัญญากับโกดังเลขที่ 70/2 ม.7 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ของนายหนุ่ม ในการเก็บเช่าโกดังเก็บกากแคดเมียม
  • ความผิดข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย กรณีเป็นกรรมการบริษัท ล้อโลหะไทย แมททอล จำกัด ย่านบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ที่นำกากแคดเมียมมาฝากไว้

เบื้องต้นนายเจษฎา ได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และได้นัดหมายขอทำคำให้การเพื่อส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมหลังจากนี้อีก 7 วัน

นายกสภาทนายความ เปิด 6 มาตรการป้องกัน ดำเนินคดีบริษัท-จนท.รัฐ ขนย้ายกากแร่อันตรายแคดเมียม

18 เมษายน 2567 ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ, นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ, ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ, นายขวัญชัย โชติพันธุ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมและวิชาการ, นางทัดดาว จตุรภากร กรรมการและเลขานุการ, นายไพโรจน์ จำลองราษฎร์ รองประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีเเละปฏิบัติการ

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลงข่าว กรณีการขนย้ายกากแร่แคดเมียมจากหลุมฝังกลบที่จังหวัดตากไปยังพื้นที่ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงจุดยืนการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ปกป้อง และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน

ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า เกี่ยวกับกรณีกากแร่แคดเมียมที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ สภาทนายความฯ เป็นหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เนื่องจากได้รับข้อร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายเพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านกว่า 1,000 คนในพื้นที่ 3 ตำบล คือตำบลแม่กุ ตำบลแม่ตาว และตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่สังกะสี โดยผู้ประกอบการที่ได้รับประทานบัตรบนดอยผาแดง (บริษัทฯ ผาแดง อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ตากไมนิ่ง จำกัด)

ซึ่งการทำเหมืองแร่สังกะสีจะมีกากแร่แคดเมียมเป็นผลพลอยได้ และจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตรายทั้งต่อสภาพแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชน สารแคดเมียมดังกล่าวได้ปนเปื้อนในพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะข้าว กระเทียม และถั่วเหลือง  และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านที่ต้องเจ็บป่วยจากพิษของสารแคดเมียม โดยสภาทนายความได้ยื่นฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 คดี คดีส่วนใหญ่ถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์

โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคำพิพากษาให้ผู้ประกอบการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ชาวบ้าน และมีจำนวน 3 คดีที่ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และจำนวนค่าเสียหาย และได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองพิษณุโลกเพื่อขอให้ประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม

ศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556 ให้ออกกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันคดีถึงที่สุด

ส่วนกากแคดเมียม เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ประกอบการต้องมีมาตรการจัดการด้วยการฝังกลบตลอดไป ตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการขุดหลุมฝังกลบกากแร่แคดเมียมในพื้นที่จังหวัดตาก และมีการขนย้ายจากสถานที่ฝังกลบต้นทางไปยังสถานที่ปลายทางต่างๆ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวที่ทราบกันทั่วไป รวมทั้งมาตรการจัดการกากแคดเมียมด้วยการขนส่งกากแคดเมียมที่ตรวจพบกลับคืนพื้นที่ต้นทาง ก่อให้เกิดข้อสงสัยและข้อวิตกกังวลดังที่กล่าวมาข้างต้น

สภาทนายความฯ ขอแสดงจุดยืนเพื่อการคุ้มประโยชน์สาธารณะ ปกป้องและพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้ได้รับหรืออาจได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวโดยกลไกทางกฎหมาย ทั้งนี้ สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการ และขอเรียกร้องต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

"เสี่ยเจษ" เจ แอนด์ บี เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส.  ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตราย

1. สภาทนายความฯ จะได้แต่งตั้งคณะทำงานให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กรณีประชาชน และชุมชนได้รับผลกระทบจากการขุดและส่งต่อกากแร่แคดเมียมจากบ่อฝังกลบของโรงงานถลุงแร่สังกะสีในจังหวัดตาก ไปยังสถานที่อื่นๆ

2. สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมกับเจ้าของ หรือผู้ครอบครองมลพิษหรือแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองกากแคดเมียม เจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานถลุงแร่ เจ้าของหรือผู้ขนส่งกากแร่ เจ้าของหรือผู้รับกากของเสีย และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องเยียวยาความเสียหายต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจของประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

3. สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐที่อนุญาตให้ขนย้ายกากของเสียอันตรายจากบ่อฝังกลบภายในโรงงานถลุงแร่สังกะสี โดยไม่มีอำนาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องชดใช้เยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน

4. สภาทนายความฯ ขอเรียกร้องให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจเลือดและปัสสาวะประชาชน  ชาวจังหวัดตาก และชุมชนที่อยู่รายรอบโรงงานถลุงแร่สังกะสี รวมถึงประชาชนในตำบลแม่กุ แม่ตาว พระธาตุผาแดง ที่ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของแคดเมียมจากการทำเหมืองแร่สังกะสีของผู้ประกอบการ (บริษัทผาแดง อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)) และพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการเก็บหรือครอบครองกากแคดเมียม และประชาชนหรือชุมชนอื่นที่มีการเก็บ หรือครอบครองกากแคดเมียม

5. สภาทนายความฯ ขอเรียกร้องให้ภาครัฐให้ผลักดันและผ่านการออกกฎหมายเกี่ยวกับการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR – Pollutant Release and Transfer Register) เพื่อเป็นมาตรการให้ผู้ประกอบการต้องเปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตในโรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบที่มาของมลพิษใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ โดยมีหลักเกณฑ์ในการตรวจวัดมลพิษที่ชัดเจนที่ต้องรายงานต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาบังคับใช้โดยเร็ว และขอให้ตรวจสอบบ่อดักตะกอนแคดเมียมในพื้นที่ทำเหมืองสังกะสี และบ่อฝังกลบกากตะกอนแคดเมียมในบ่อฝังกลบภายในโรงงานว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบ

6.สภาทนายความเห็นว่ากากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายที่ตรวจพบในโรงงานต่างๆทั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ต้องนำไปกำจัดหรือฝังกลบในโรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101 (โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม-Central Waste Treatment) (ฝังกลบกากของเสียอันตราย) เท่านั้น จะนำไปทำลายหรือฝังกลบที่อื่นไม่ได้ และเมื่อโรงงานถลุงแร่สังกะสีที่จังหวัดตากไม่ใช่โรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101(โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม -Central Waste Treatment -ฝังกลบกากของเสียอันตราย) จึงไม่สามารถนำกากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายกลับมาฝังกลบในโรงงานได้ เว้นแต่จะได้ใบอนุญาต 101เสียก่อน แต่ใบอนุญาต 101ก็ต้องทำรายงานอีไอเอ และได้รับการอนุมัติอนุญาตเสียก่อน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างไรก็ตาม สภาทนายความฯ จะลงพื้นที่ซึ่งเป็นนโยบายของตนที่ทำงานเชิงรุกอย่างที่ได้เคยประกาศไว้

logoline