กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นการทำผิดกฎหมายอย่างอุกอาจ กรณีตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมโรงงาน และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร พบ "กากแคดเมียม" วัตถุธาตุที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จำนวนถึง 15,0000 ตัน ซุกซ่อนภายในโรงงานแห่งหนึ่งใน ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร
ซึ่งอันตรายของ "กากแคดเมียม" อาจส่งผลต่อสุขภาพผู้ที่สัมผัส ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างร้ายแรง ถึงขั้นทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย หรือโรคร้าย เช่น "โรคอิไตอิไต" หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ภายหลังการพบ "กากแคดเมียม" สุดอันตรายนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และสั่งให้มีการควบคุม มีการพบข้อมูลถึงต้นตอที่มา รวมถึงสิ่งที่ "น่าตกใจ" ยิ่งกว่า คือมีการขนย้าย "กากแคดเมียม" นี้ ไปยังพื้นที่อื่น ๆ นอกจากสมุทรสาครอีกด้วย
Nation STORY จึงได้มีการสรุปเรื่องราวมาให้ติดตามว่าจนถึงขณะนี้ เหตุการณ์ไปถึงไหน เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบ และดำเนินการอย่างไร มีการสาวไปถึงผู้กระทำผิด ที่อยู่เบื้องหลังได้หรือยัง....
เรื่องราวเริ่มจากการเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 67 กรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข้อเท็จจริงกรณีผู้ร้องเรียนว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ตาก ขาย "กากแร่สังกะสี" และ "กากแร่แคดเมียม" ที่ฝังกลบใน จ.ตาก ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร นับหมื่นตัน ถือว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เนื่องจากกากแร่ดังกล่าวเป็นวัตถุธาตุอันตราย
การขนย้ายจากบ่อฝั่งกลบที่ จ.ตาก ออกมาที่ จ.สมุทรสาคร ถือเป็นการกระทำความผิดที่รุนแรงมาก อาจจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย เพราะการเก็บสารเคมีดังกล่าว บรรจุในถุงบิ๊กแบ๊กนับพันถุง ต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินการตรวจสอบและประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ
วันที่ 4 เม.ย. 67 เวลา 11.00 น. นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบ "กากแร่แคดเมียม" จาก จ.ตาก เข้ามาเก็บไว้ตามในพื้นที่จริง
จากการตรวจสอบพบบริษัทดังกล่าว พบว่า ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานเกี่ยวกับการหล่อและหลอมโลหะประเภทต่าง ๆ 3 โรงงาน จากการตรวจสอบ พบว่า
เจ้าหน้าที่ได้ให้เคลื่อนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสี ที่อยู่ภายนอกไปเก็บไว้ในโรงงานทั้งหมด รวมจำนวนประมาณทั้งสิ้น 1.5 หมื่นตัน กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบพบว่า กากแคดเมียมและกากสังกะสี มีการผสมด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% เพื่อทำลายฤทธิ์และอยู่ในสถานะแข็งตัว หากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิด และไม่มีการชำระล้าง จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกับโรงพยาบาลสมุทรสาคร ตรวจคัดกรองสุขภาพของพนักงานในโรงงานจำนวน 11 ราย แบ่งเป็น คนไทย 8 ราย และต่างด้าว 3 ราย ซักประวัติตามแบบฟอร์มการสัมผัสสารโลหะหนักแคดเมียม เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ แพทย์ได้ตรวจร่างกายและเก็บปัสสาวะส่งตรวจหาสารแคดเมียม ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ และให้บริษัทนัดหมายพนักงานที่เหลือเข้ารับการตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลสมุทรสาครโดยเร็ว
นอกจากนี้ เร่งค้นหาผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริเวณสถานที่ข้างเคียง ที่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีดังกล่าว ขณะที่กรมควบคุมมลพิษได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำในโรงงาน และบริเวณโดยรอบ ส่งตรวจหาสารปนเปื้อนด้วย จะทราบผลใน 2 สัปดาห์
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ลงนามในประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร ห้ามมิให้ผู้ใด ๆ เข้าไปอยู่อาศัย หรือดำเนินกิจการใด ในพื้นที่ โรงงานบริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ใน ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เป็นระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันประกาศนี้เป็นต้นไป พร้อมย้ำว่า ไม่ได้มีการประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน หรือประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย แต่อย่างใด พร้อมให้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ส่งกากคืนกลับไปฝังกลบที่โรงงาน จ.ตาก ตามเดิม
มีการข้อมูลการขนย้ายพบว่า โรงงานถลุงแร่สังกะสี ที่ จ.ตาก ขายกากแคดเมียมและกากสังกะสี ให้กับโรงงานที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการหลอมแท่งโลหะอลูมิเนียม โดยใส่ในถุงบิ๊กแบ็กรวม 15,000 ตัน เริ่มขนส่งตั้งแต่ ส.ค. 66 ใช้เวลานาน 3 เดือน เพื่อเตรียมนำมาหลอมหรือขายต่อ
ส่วนที่ จ.ตาก เจ้าหน้าที่ อุตสาหกรรม จ.ตาก ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่และข้อเท็จจริง โรงงานถลุงแร่สังกะสีของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ ต.หนองบ้วใต้ อ.เมือง จ.ตาก ที่ได้รับรายงานว่า เป็นโรงงานใน จ ตาก ที่ได้ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบให้กับโรงงานใน จ.สมุทรสาคร พบเป็นโรงงานร้าง แต่บริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้นำสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกโรงงานปริมาณ 15,000 ตัน ไปกำจัดยังโรงงานปลายทางที่ จ.สมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่พบบ่อเก็บกากแคดเมียมจำนวน 7 บ่อ พบว่ามีจำนวน 2 บ่อ ได้มีการขนย้ายกากแคดเมียมออกไป ซึ่งบางส่วนทั้งที่มีการบรรจุใสถุง bigbag และยังไม่บรรจุ ได้เก็บไว้ภายในอาคาร เบื้องต้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างกากแคดเมี่ยมทั้งจากบ่อเก็บการและในอาคาร เพื่อส่งวิเคราะห์ตรวจสอบต่อไป
มีข้อมูลว่า ปี 2566 บ่อเก็บกากแคดเมียมบ่อที่ 5 ได้มีการขุดและนำออกไปใช้ประโยชน์ที่ บ.เจ แอนด์ ที เมททอล จำกัด
ปี 2567-2568 บ่อเก็บกากแคดเมียมบ่อที่ 1,2,3,4,6 และ 7 จะดำเนินการขุดและนำออกไปใช้ประโยชน์ที่ บ.เจ แอนด์ ที เมททอล จำกัด
วันที่ 5 เม.ย. 67 นายนภัทร เตชะสิรภัทร อุตสาหกรรม จ.ตาก เผยว่า กำลังรวบรวมข้อมูล เรื่องการขนย้ายกากแคดเมียม ให้ทางผู้บริหารทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยพบทางโรงงานมีการยื่นขออนุญาตตามหลักเกณฑ์กฎหท่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งวัตถุที่ขนย้ายไม่ได้มี "แคดเมียม" เท่านั้น ในเอกสารต้นทางระบุเป็นธาตุ ไม่ได้ระบุว่าเป็นอย่างอื่น มีทั้งหมด 18 ธาตุ ส่งให้สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ตาก พิจารณา
ทั้งในการขนย้าย ยืนยันว่าไม่พบมีการรั่วไหลระหว่างทาง โดยหลังจากสำนักงานอุตสาหกรรม จ.ตาก ทราบว่าเกิดปัญหาที่ จ.สมุทรสาคร ก็ได้สั่งระงับทั้งหมดพร้อมอายัดของ และบ่อ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 67
หลังเกิดเหตุ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริษัทแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรสาคร ที่ประกอบกิจการหลอมหล่ออะลูมิเนียมแท่ง อะลูมิเนียมเม็ด จากเศษอะลูมิเนียมและตะกรันอะลูมิเนียม (SCRAP AND DROSS) เนื่องจากได้รับรายงานว่า โรงงานดังกล่าวลักลอบเก็บกากแคดเมียมไว้ภายในโรงงาน
โดย รมว.อุตสาหกรรม ได้สั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสี เข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บ และดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย โดยกากแคดเมียมและกากสังกะสีที่พบในโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 2,440 ตัน
ส่วนที่เหลือได้เร่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสั่งให้นำกากส่วนที่ถูกขนย้ายไปที่จังหวัดสมุทรสาคร กลับไปจังหวัดตากโดยด่วนภายใน 7 วัน และให้ฝังกลบที่ภายใน 15 วัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ออกคำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตาก มาช่วยราชการ ที่สำนักงานกระทรวงอุตสาหกรรม
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม
วันที่ 6 เม.ย. 67 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ที่เข้าร่วมตรวจค้น โรงงาน เจแอนด์บี เมททอล จำกัด ใน จ.สมุทรสาคร มีการสืบพบว่า "กากแคดเมียม" ที่ขนย้ายมาจาก จ.ตาก 15,000 ตัน สูญหายไปจากบริษัทฯ บางส่วนนับหมื่นตัน จึงขอหมายค้นบริษัทฯ และตรวจยึดเอกสารต่างๆ จนไปพบเอกสารการขนส่งจากบริษัทดังกล่าว มาที่ บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
โดยในช่วงบ่ายวันดังกล่าว ตำรวจ บก.ปทส. จึงเข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบถุง bigbig บรรจุวัตถุลักษณะคล้ายกากแคดเมียม และหน้าถุงพ่นสี วัน เดือน ปี การขนส่ง เหมือนกับที่เจอในโรงงาน จ.สมุทรสาคร จึงประสานกรมโรงงาน และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นกรมโรงงานยืนยันว่า เป็นกากแคดเมียมล็อตเดียวกับที่ จ.สมุทรสาคร
โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เผยว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ บก.ปทส. ว่า ตรวจพบถุงบิ๊กแบ็คจำนวนมาก กระจายอยู่ในพื้นที่บริษัทแห่งหนึ่งในชลบุรี เบื้องต้น นับได้ประมาณ 4,200 ถุง น้ำหนักประมาณ 6,720 ตัน จึงได้ทำการยึดอายัดไว้ พร้อมมอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เร่งจัดการนำกากแคดเมียมทั้งหมด กลับไปฝังกลบยังแหล่งต้นทางให้เร็วและปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบว่า ยังคงมีกากแคดเมียม หลงเหลือในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่
ขณะเดียวกัน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์โรงงานที่สมุทรสาคร ไว้กับ บก.ปทส.
จับนักธุรกิจจีน เจ้าของโกดังซุกกากแคดเมียม สารภาพซื้อจากคนชาติเดียวกัน
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ลงพื้นที่ร่วมกับ บก.ปทส. เผยว่า "กากแคดเมียม" เกือบ 7,000 ตัน ในโกดัง จ.ชลบุรี ถูกบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก ยังไม่มีการเอาออกมามาหลอมละลาย จึงมีคำสั่งปิดโกดังเพื่อตรวจสอบ จากข้อมูลพบว่า พื้นที่บริเวณที่ตั้งโรงงานดังกล่าว มีอาคารลักษณะเป็นโกดังไม่ต่ำกว่า 20 อาคาร
โดยโกดังของโรงงานแห่งนี้ มีใบอนุญาต 4 โรงงาน มีเพียง 4 ใบ แต่ยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการ นั้นหมายความว่า ยังไม่สามารถประกอบกิจการได้ นอกจากนี้ยังระบุว่าโกดังอื่น ๆ ภายในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า มี 3 บริษัทเป็นเจ้าของ ในจำนวนนี้ มีใบอนุญาต 1 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 บดอัด หล่อหลอมพลาสติก โรงงานที่ 2 มีใบอนุญาต 1 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 บดอัด หล่อหลอมพลาสติก และโรงงานที่ 3 มีใบอนุญาต 5 ใบ ระบุเป็นโรงงานลำดับที่ 53 จำนวน 4 ใบ อีกใบเป็นโรงงานลำดับที่ 105 คัดแยกของสีที่ไม่เป็นอันตราย แต่ใบอนุญาต ทั้ง 7 ใบ ยังไม่ได้แจ้งขออนุญาตประกอบการ
ซึ่งต่อมา ตำรวจได้ควบคุมตัว นายหลิวลู่ อายุ 38 ปี เจ้าของโกดังดังกล่าว ไปดำเนินคดี ที่ สภ.คลองกิ่ว จากการสอบปากคำนายหลิวลู่ รับสารภาพว่า รับซื้อมาจากมิสเตอร์จาง เพื่อรอการจำหน่าย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหานายหลิวลู่ ในข้อหาครอบครองวัตถุสารอันตราย พร้อมทั้งสั่งอายัดโกดังดังกล่าว ห้ามผู้ไม่มีส่วนเข้าออก เพื่อรอการจัดการสารแคดเมียมทั้งหมด
วันที่ 7 เม.ย. 67 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเข้าตรวจสอบโกดัง บริษัทที่พบ "กากแคดเมียม" อีกครั้ง รวมถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งเช่นกัน