คิดจะบวช ถ้าเป็นหนี้บวชได้ไหม เช็กคุณสมบัติต้องห้าม พร้อมคำชี้แนะจาก "พระพยอม"

จากกรณี แม่ค้าปูนา ขึ้นป้ายไวนิลทวงเงิน นายนรเศรษฐ์ ทรงกลด หรือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ที่เบี้ยวค่าสินค้า 2 แสนกว่าบาท จนกลายเป็นกระแสโลกในโซเชียล ต่อมา จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ได้ประกาศขอหลบไปบวชเงียบๆ ต่อมา แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตนาคหลวง เปรียญธรรม 9 ประโยค โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ติดหนี้ต้องเคลียร์ตัวเองก่อนนะคะ จะหนีไปบวชไม่ได้ มันบวชไม่ขึ้น เพราะเวลาพระกรรมวาจาจารย์สวดถามว่า อะนะโณสิ๊ (เธอไม่มีหนี้ใช่ไหม) จะตอบยังไงคะ" 

นอกจากนี้ ยังคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "มีวิธีที่ทำได้ คือไปแจ้งเจ้าหนี้ แล้วให้เจ้าหนี้ยกหนี้ให้ค่ะ"

จากกรณีดังกล่าว การบวชเป็นพระภิกษุ หรือที่เรียกว่า "อุปสมบท" นั้น ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เรามาดูกัน

คุณสมบัติต้องห้ามบวชพระ

1. ทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
2. หลบหนีราชการ
3. ต้องหาในคดีอาญา
4. เคยถูกตัดสินจำคุก โดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
5. ถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
6. มีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
7. มีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้

นอกจากนี้ ในศาสนาพุทธยังได้กำหนดว่า ผู้ที่ห้ามบวชโดยเด็ดขาดมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ 

• ผู้ที่มีเพศและภาวะบกพร่อง 
• ผู้ที่เคยทำอนันตริยกรรม 5 อย่าง 
• ผู้ที่ทำผิดต่อพระพุทธศาสนา 

หากคณะสงฆ์ให้บวชไปโดยที่ไม่รู้ เมื่อทราบภายหลังจะต้องให้ลาสิกขา การห้ามบวชในที่นี้รวมถึงการห้ามบรรพชาเป็นสามเณรด้วย

ประเภทที่ 1 ผู้ที่มีเพศและภาวะบกพร่อง

1. บัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทย
2. อุภโตพยัญชนก หมายถึง คนที่มีอวัยวะเพศ 2 เพศ คือ มีทั้งเพศหญิงและเพศชายในคนเดียวกัน
3. สัตว์ดิรัจฉาน

ประเภทที่ 2 ผู้ที่เคยทำอนันตริยกรรม

1. ผู้ที่ฆ่าบิดา
2. ผู้ที่ฆ่ามารดา
3. ผู้ที่ฆ่าพระอรหันต์
4. ผู้ที่ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนถึงห้อพระโลหิต
5. ผู้ที่ทำสังฆเภทคือทำสงฆ์ให้แตกกัน

ประเภทที่ 3 ผู้ที่ทำผิดต่อพระพุทธศาสนา

1. ผู้ที่เคยต้องอาบัติปาราชิก หมายถึงผู้ที่เคยบวชแล้วแต่ทำผิดร้ายแรงถึงระดับที่ขาดจากความเป็นพระภิกษุ บุคคลประเภทนี้จะกลับมาบวชอีกไม่ได้
2. ผู้ที่ประทุษร้ายภิกษุณี
3. คนลักเพศ หมายถึง ปลอมบวช คือเอาผ้าเหลืองมาห่มเองโดยไม่มีพระอุปัชฌาย์
4. ผู้ที่ไปเข้ารีตเดียรถีย์ หมายถึงพระภิกษุหรือสามเณรที่เปลี่ยนไปเป็นนักบวชนอกพระพุทธศาสนา จะกลับมาบวชไม่ได้

พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1

ห้ามบวชคนมีหนี้ ก็โดยสมัยนั้นแล ลูกหนี้คนหนึ่งหนีบวชในสำนักภิกษุ พวกเจ้าทรัพย์พบแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุรูปนี้คือลูกหนี้ของพวกเราคนนั้น ถ้ากระไร พวกเราจงจับมัน

เจ้าทรัพย์บางพวกพูดทัดทานอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้พูดเช่นนี้ เพราะพระเจ้า พิมพิสารจอมเสนามาคธราช ได้มีพระบรมราชานุญาตไว้ว่า กุลบุตรเหล่าใดบวชในสำนักพระ สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร กุลบุตรเหล่านั้น ใครๆ จะทำอะไรไม่ได้ เพราะธรรมอันพระผู้มี พระภาคตรัสไว้ดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด


ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ มิใช่ผู้หลบหลีกภัย ใครๆ จะทำอะไรไม่ได้ แต่ไฉนจึงให้คนมีหนี้บวชเล่า

ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลความเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนมีหนี้ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ 

คำแนะนำจาก "พระพยอม" 

ถ้าเป็นหนี้แล้วบวชได้ไหม? เกี่ยวกับข้อสงสัยนี้ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้คำตอบว่า ถ้าเป็นหนี้แล้วไม่สามารถบวชได้ พระอุปัชฌาย์ไม่บวชให้ต้องใช้หนี้ให้หมด ไม่งั้นกลายเป็นบวชอาชญากร บวชปล้นทรัพย์ นอกจากแอบไปบวชในป่าในเขา 

"เดี๋ยวนี้ต้องสืบประวัติการเป็นหนี้ประพฤติเสียหาย มีคดีติดค้างพวกนี้จะบวชไม่ได้ ส่วนคนที่คิดจะบวชควรสำรวจตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไหม เป็นโรคติดต่อหรือเป็นหนี้จะไม่บวชให้ เพราะว่ามีคำถามตอนบวชมนุษย์โสสิ มีหรือยังถ้าจิตใจต่ำไม่สามารถบวชพระได้" พระพยอม กล่าว

อ้างอิงข้อมูลจาก : 
https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2387160
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=4&A=3020