เรื่องเล่าสัตว์โลกวันนี้ พาไปรู้จัก "เต่าปูลู" หรือ "เต่าปากนกแก้ว" (อังกฤษ : Big-headed Turtle, Platysternon megacephalum) เต่าน้ำจืดชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างแตกต่างจากเต่าชนิดอื่นๆ เขาจะมีความสำคัญกับระบบนิเวศอย่างไร และภัยที่คุกคามจนทำให้ถูกจัดเป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์คืออะไร เรามาหาคำตอบกัน
อ้างอิงจากข้อมูลของเพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเพจ Environman พบว่า "เต่าปูลู" เป็นสัตว์น้ำจืด วงศ์ Platysternidae มีลักษณะพิเศษคือ มีหัวขนาดใหญ่ กระดองยาว ปากงุ้มเป็นตะขอและแข็งแรงมาก
ส่วนเท้ามีเล็บแหลมคม ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว ปกคลุมด้วยเกล็ดหนามกระจายอยู่ทั่วฝ่ามือฝ่าตีน และมีหางคล้ายแส้ความยาวเท่าลำตัว ในประเทศไทยพบเต่าปูลูเฉพาะในพื้นที่ป่าอนุรักษ์บางแห่งเท่านั้น
พฤติกรรมของเต่าปูลู
ปกติเราจะคุ้นเคยกันว่าเต่าสามารถหดหัวและขาเข้ากระดองได้ แต่กับ "เต่าปูลู" เขาทำแบบนั้นไม่ได้สักอย่าง อย่างไรก็ดี หัวใหญ่ขาใหญ่ หางยาว เลยดูน่ารัก หางที่ยาวช่วยในการปีนน้ำตกโดยเอาหางช่วยค้ำไว้ปีนน้ำตกนั่นเอง ส่วนนิสัยก็จัดว่า "ดุ" ถ้าจับกระดองเต่าอาจยืดคอแว้งกัดเอาได้
นอกจากนี้ เขามีความสามารถในการปีนป่ายโขดหินและต้นไม้ จึงชอบอาศัยอยู่ตามภูเขาสูง ลำธารน้ำตก ชอบน้ำใสเย็นที่ไหลอยู่เสมอ และพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เต่าชนิดนี้มักออกหากินในเวลากลางคืน กินเหยื่อโดยการฉกงับ อาหารได้แก่ พวกกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด และแมลงต่างๆ เขาจึงเป็นดัชนีที่บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า
พอออกหากินแล้ว ย่อมต้องมีเวลาพักผ่อนกันบ้าง เต่าปูลู มักจะพักผ่อนในเวลากลางวัน และ "จำศีล" ในฤดูหนาวโดยหลบอาศัยอยู่ในซอกหิน หรือ หรือตามโพลงไม้ใต้น้ำ เขาไม่ค่อยออกหากินในช่วงจำศีล แต่ก็ชอบปีนตอไม้ขึ้นไปอาบแดด
เต่าปูลูเมื่อยังเล็ก กระดองจะมีลายสีเหลืองและสีน้ำตาล ส่วนตัวเต็มวัยสีเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลเขียวมะกอก ผสมพันธุ์ในน้ำ วางไข่คราวละประมาณ 3-4 ฟอง ไข่เปลือกแข็งสีขาว รูปทรงกระบอกหัวท้ายรี ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร วางไข่ตามพงหญ้าริมฝั่งล้ำห้วยในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ไข่ฟักตัวออกลูกประมาณเดือนสิงหาคม
บทบาทของเต่าปูลูในระบบนิเวศ
เต่าปูลู กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร ซึ่งเขาหากินทั้งจากการล่าเองและกินซากตามลำห้วย เลยเป็น "ผู้รักษาสภาพลำน้ำไม่ให้เน่าเสีย" เพราะเขากินซากสัตว์ที่ตายแล้วในน้ำ เต่าชนิดนี้จึงมีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างหนึ่ง
โดนทำลายแหล่งที่อยู่ไม่พอ ถูกจับไปเป็นอาหารมนุษย์ด้วย
ภัยคุกคามสำคัญของเต่าปูลู มาจากพื้นที่ถูกทำลาย ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยและอาหารเหลือน้อยลง มิหนำซ้ำ ความเชื่อเกี่ยวกับเต่าของคนเรา ที่ว่ากินแล้วจะอายุยืน แข็งแรง พวกเขาจึงมักถูกจับไปเป็นอาหารมนุษย์ด้วย
สัตว์สัญลักษณ์แห่งการป้องกันไฟป่า
อีกภัยที่ทำอันตรายต่อเต่าปูลูโดยตรง นั่นคือ "ไฟป่า" อย่างที่กล่าวไป เขาไม่สามารถหดหัวและขาเข้าไปในกระดองได้เหมือนเต่าชนิดอื่นๆ แถมยังเคลื่อนช้า ยามใดเกิดไฟป่า เต่าปูลูจึงตายเป็นจำนวนมาก ไฟป่าเลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เต่าชนิดนี้ใกล้หายไปจากโลก ดังนั้น หนึ่งในการอนุรักษ์เต่าปูลู คือการป้องกันไฟป่า
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ตามกฎหมาย "เต่าปูลู" เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 การล่า การครอบครอง การค้า มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ และเป็นเต่าใกล้สูญพันธุ์ในระดับโลก IUCN (2011) จัดสถานภาพการอนุรักษ์ (Conservation status) เป็น สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (EN - Endangered) การคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES (2011) จัดอยู่ในบัญชี 2 (Appendix II)
เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะรู้จักกับเต่าปูลูมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด การช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า ย่อมเป็นการช่วยอนุรักษ์ไม่ใช่แค่เต่าปูลู แต่ยังรวมถึงป่าไม้และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ชนิดอื่น เพราะไม่เช่นนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจไม่เหลือพวกเขาอยู่เลยในธรรมชาติ...
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก :
เฟซบุ๊กเพจ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เฟซบุ๊กเพจ Environman
http://news.dnp.go.th/news/7986
https://khaokheow.zoothailand.org/animal_view.php?detail_id=198&c_id=
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน