เป็นอีกปัญหาที่สังคมต้องติดตาม อย่าเป็นเพียงไฟไหม้ฟาง สำหรับ "ปฏิบัติการทวงคืนชายหาด" ในพื้นที่ภูเก็ต ปฏิบัติการที่สืบเนื่องจากดราม่า "ฝรั่งเตะหมอ" ที่นำไปสู่การตรวจสอบชายหาดหลายแห่ง ที่มีปัญหาข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการปิดเส้นทางเข้าสู่ชายหาด หรือถูกยึดเป็นชายหาดส่วนตัว
โดยถึงขณะนี้มีชายหาดหลายแห่ง ที่มีข้อพิพาทและการแจ้งเบาะแส ได้รับการตรวจสอบ คลี่คลายในเบื้องต้น เช่น หาดแหลมหงา หาดนุ้ย หาดยามู แต่ก็ยังคงมีอีหลายแห่ง ที่ประชาชนในพื้นที่ ได้มีการชี้เบาะแสเพิ่มเติม รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
กรณีนี้ มีรายงนว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานประสานงานแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้ประสานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ให้ทุกพื้นที่สำรวจข้อมูล เกี่ยวกับการบุกรุกที่สาธารณะ ให้ห้วงตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องรอติดตามจะมีความคืบหน้าอย่างไรต่อไป
คำสั่งของบิ๊กโจ๊ก
ล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่ภูเก็ต ได้มีการชี้เป้าอีกหนึ่งชายหาด ที่มีปัญหาการถือครองที่ชายหาด สมบัติชาติ ที่กฎหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่สามารถครอบครองเป็นของส่วนตัวได้ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กกลุ่ม "ภาษาท้องถิ่นภูเก็ตและฮกเกี้ยน" คือชายหาดเลพัง โดยระบุว่า
"แบบนี้ได้เหรอ เลพังเชิงทะเล ไล่ชาวบ้านออกสร้างรั้วกั้นไม่ให้ชาวบ้านเข้า"
ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ
ตัวอย่างความคิดเห็นชาวเน็ต
ชายหาดเลพัง ตำนานการบุกรุกยึดครองซ้ำซาก
สำหรับชายหาดเลพังนั้น นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ป็นหนึ่งในหาดที่มีความสงบและสวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความสงบเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแหล่งที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
โดยเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ดีเอสไอสนธิกำลังหน่วยงานภาครัฐ 20 แห่ง ปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บุกรุกหาดเลพัง-ลายัน ตามคำพิพากษาของศาล ที่สั่งให้ที่ดินบริเวณดังกล่าว เป็นที่สาธารณประโยชน์ สำหรับประชาชาชนใช้ร่วมกัน สามารถทวงคืนที่ดินสาธารณะ 178 ไร่ มูลค่า 50,000 ล้าน
ก่อนที่ต่อมาในปี 2566 ทางอำเภอถลางจะสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ จัดระเบียบชายหาด “เลพัง” ซึ่งเป็นที่ นสล. และที่สาธารณประโยชน์อีกครั้ง หลังพบยังมีผู้บุกรุกตั้งร่มเตียง ร้านอาหาร มีการจับกุมผู้ต้องหาได้หลายคน
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : เพจเฟซบุ๊กกลุ่ม "ภาษาท้องถิ่นภูเก็ตและฮกเกี้ยน"