รู้จัก ดร.ศิรินัดดา หักพาล "คุณกุ๊บ" คู่ชีวิต คนแรกคนเดียวในดวงใจ 'บิ๊กโจ๊ก'
เปิดข้อมูลไม่ลับ ดร.ศิรินัดดา หักพาล หรือ คุณกุ๊บ คู่ชีวิตคู่แท้ รักแรกและรักเดียวตลอดไปของบิ๊กสีกากีคนดังในข่าววันนี้ "บิ๊กโจ๊ก" เหตุผลอะไรถึงสามารถมัดใจคุณสามีได้อยู่หมัดขนาดนี้ มาร่วมเปิดเส้นทางแห่งรักของทั้งคู่ ที่กลายเป็นคนดังในข่าว แฟนคลับบิ๊กโจ๊กต้องมา
เส้นทางความรักที่มั่นคงตลอด 32 ปีที่ผ่านมา!!
กำลังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ตอนนี้ สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือที่หลายคนรู้จักกันว่า "บิ๊กโจ๊ก หวานเจี๊ยบ" จากการมีบุคคลิกเป็นคนน่ารัก พูดจาไพเราะไม่ข่มลูกน้อง หรือเอาเปรียบเพื่อนฝูง ทำให้ได้คำว่า "หวานเจี๊ยบ" พ่วงท้าย ยิ่งกับภรรยาคนสวย ดร.ศิรินัดดา หักพาล หรือ มาดามกุ๊บ ยิ่งต้องพูดเพราะ หวานหนักยิ่งกว่าเดิม และอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนนั้นไม่รู้ กว่า บิ๊กโจ๊ก จะได้ใจมาดามกุ๊บมานั้นไม่ง่ายเลย เพราะทั้งสองคนต้องผ่านอุปสรรคเยอะมาก ทั้งเรื่องฐานะทางครอบครัวที่กว่าจะฝ่ามาได้ ก็เล่นเอาบิ๊กโจ๊กถึงกับปาดเหงื่อ!
แม้ว่าชีวิตรักจะไม่เปิดเผยออกสื่อหลักมากนัก แต่ความรักที่ยืนยงของ บิ๊กตำรวจคนดังแห่งยุค พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับ "ดร.ศิรินัดดา หักพาล" หรือ "คุณกุ๊บ" หากแต่ว่าในวันนี้หน้าสื่อหลัก แม้กระทั่งเพจดังในวงการตำรวจได้ทำการเปิดเผยชีวิตรัก ทั้งคู่ได้ปลูกร่างสร้างความรักกันตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาในจังหวัดสงขลา ยาวนานมาจนถึงวันนี้ 32 ปีแล้ว ที่เส้นทางความรักไม่เคยเปลี่ยนไป
มาร่วมทำความรู้จัก "คุณกุ๊บ"
ดร.สิรินัดดา หักพาล หรือ คุณกุ๊บ พื้นเพเธอเป็นคนจังหวัดสงขลา ครอบครัวมีธุรกิจท่ารถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พร้อมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่ดินในภาคใต้หลายแห่ง ย้อนกลับไปสมัยวัยเรียน "คุณกุ๊บ" จบการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนอนุบาลสงขลา ก่อนจะมาเรียนต่อโรงเรียนวรนารีเฉลิม โดยระหว่างศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลาย ได้ทำความรู้จักกับ “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อนนักเรียนรุ่นพี่ โรงเรียนมหาวชิราวุธ ที่สนามเทนนิส แห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา เรียกได้ว่า บิ๊กโจ๊ก ในสมัยนั้น ฝีมือลีลา การตีเทนนิส ทั้งจังหวัดสงขลา ไม่มีใครเก่งเท่าเค้า จึงได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนเทนนิส คุณกุ๊บ ไปโดยปริยาย
ดร.ศิรินัดดา หักพาล หรือ "คุณกุ๊บ" แฟนคนแรกของ "บิ๊กโจ๊ก"
ย้อนไปตั้งแต่สมัยกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลายโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ขณะนั้นทาง "คุณกุ๊บ" กำลังศึกษาชั้นมัธยมปลาย โรงเรียนวรนารีเฉลิม จ.สงขลา ครอบครัวของคุณกุ๊บ ทำธุรกิจท่ารถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พร้อมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่ดินในภาคใต้
"จริงๆ กุ๊บกับพี่โจ๊ก เคยเห็นหน้ากันบ้างเพราะพี่โจ๊กเป็นเพื่อนของเพื่อน สมัยนั้นเล่นเทนนิส ไปซ้อมตีบ่อยที่สวนสาธารณะ ก็ได้ไปเจอกับเค้าที่สนามเพราะเค้าเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติ พี่เค้าเป็นคนอ่อนน้อม มีมารยาทค่ะ พูดเพราะตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน เค้าก็สอนเทนนิสให้ รู้สึกประทับใจนะเพราะพี่เค้าเป็นคนเก่ง เรียนหนังสือเก่ง เล่นกีฬาเก่ง เค้าเก่งทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตัวเราชอบคนเก่ง เลยรู้สึกประทับใจเค้า"
ดร.สิรินัดดา หักพาล "คุณกุ๊บ" ไปศึกษาต่อปริญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม มหาลัยมหิดล ปริญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลังจากเรียนจบ "คุณกุ๊บ" กลับมาเป็นอาจารย์สอนอาชญวิทยาประจำหลักสูตรรัฐประศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ อาจารย์ประจำวิชาทฤษฏีรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก และควบคุมการทำสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก และมหาวิทยาลัยต่างประเทศ 2 แห่ง คือ llC University พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และ International University of Morality (IUM) เป็นประธานอาจารย์พิเศษ คุมวิทยานิพนธ์ คณะศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ระยะเวลา 20 กว่าปี ที่สานต่อความสัมพันธ์ จากเพื่อน สู่เพื่อนสนิท ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจนวินาทีที่กลายเป็น "คู่รัก" ทั้งคู่ผ่านทุกเหตุการณ์ทุกความยากลำบาก แม้ว่าในบางช่วงชีวิตมีตัวตน เป็นคนยิ่งใหญ่ในสายตาใครๆ รอบข้าง ขณะที่บางช่วงชีวิต แทบไม่มีใครมองเห็นความสำคัญของเค้าทั้งคู่ ทำให้คุณกุ๊บ เรียนรู้ถึงวงจร และสัจธรรมของคน บ่อยครั้งที่สามีถูกโจมตีด้วยข่าวด้านลบ คุณกุ๊บ ยังคงยืนเคียงข้างสามีไม่หนีหาย อดทนข้ามผ่านเหตุการณ์ร้ายๆไปด้วยกัน จากลูกคนมีเงินฐานะร่ำรวย คุณกุ๊บ ยอมทิ้งชีวิตสุขสบาย มาอาศัยแฟลตตำรวจเก่าๆโทรมๆ ก่อร่างสร้างตัว บุกเบิกธุรกิจด้วยตัวเองไม่พึ่งเงินที่บ้านจนกระทั่งมีวันนี้
ถึงแม้ความรักจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ แต่อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันให้ได้คือ "ครอบครัวของฝ่ายหญิง" เมื่อฝ่ายพ่อแม่ไม่เห็นสมควร เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในวัยเรียน จึงค่อยๆ ห่างกันออกไป บิ๊กโจ๊ก ในวัยเด็ก ฐานะครอบครัว ปานกลาง ข้าราชการ แม่เป็นครู พ่อเป็นตำรวจ ชั้นประทวน ที่จังหวัดสงขลา ด้วยฐานะของครอบครัว "บิ๊กโจ๊ก" เป็นครอบครัวข้าราชการ คุณแม่เป็นครู คุณพ่อเป็นตำรวจ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนครอบครัวธุรกิจ ตรงจุดนี้น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่อาจจะกลายเป็นช่องว่าง ทำให้ทั้งคู่ห่างกันออกไป
หากมามองที่ ครอบครัวของ "บิ๊กโจ๊ก" ทางคุณพ่อได้ปลูกฝัง อบรบนิสัย และเลี้ยงดูมาอย่างดี ด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมเป็นที่ 1 มาโดยตลอด กระทั่ง "บิ๊กโจ๊ก" สอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เพื่อสานฝันให้พ่อ ซึ่งมีอาชีพเป็นตำรวจยศนายดาบ ต้องย้ายตัวเองไปเป็นเด็กนักเรียนประจำ นานๆ ได้กลับสงขลาสักที แต่สิ่งที่บิ๊กโจ๊ก ทำเป็นกิจวัตรคือ เขียนจดหมายหาคุณกุ๊บ อย่างสม่ำเสมอ จนคุณกุ๊บเรียนจบมัธยมปีที่ 6 เข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยรังสิต กรุงเทพ ก่อนจะไปศึกษาต่อ ณ ประเทศ สหรัฐอเมริกา
"ตอนนั้นเราทั้งคู่ยังเรียนหนังสือค่ะ ยังเด็กกันอยู่ที่บ้านก็เป็นห่วง ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ ม.5 พี่โจ๊กก็ไม่ได้อยู่สงขลา เพราะไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ต้องห่างกันไป แต่มีเขียนจดหมายคุยกันตลอดค่ะ บางครั้งเค้าเขียนมา ครูที่โรงเรียนเรา เปิดอ่านหน้าเสาธงเลย รู้สึกอายมาก 555 แต่ข้อความในจดหมายสุภาพ เพื่อนๆ เราทุกคนก็รักเค้า เพราะเค้าเป็นคนนิสัยดี มารยาทดี เรียนหนังสือเป็นที่ 1 ตลอด เล่นกีฬาก็ได้เหรียญทองเต็มบ้าน มีระเบียบวินัย และรักครอบครัวมาก"
กระทั่งต่อมา คุณกุ๊บ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยรังสิต กรุงเทพฯ ก่อนจะไปศึกษาต่อ ณ ประเทศออสเตรเลีย แต่ยังมีการติดต่อกันอยู่ตลอด 25 ปีผ่านไป เจอทุกเหตุการณ์ความลำบาก บางช่วงชีวิตมีตัวตน เป็นคนยิ่งใหญ่ในสายตาใครๆ รอบข้าง ขณะที่บางช่วงชีวิตแทบไม่มีใครมองเห็นความสำคัญของเค้าทั้งคู่
"เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปี โดยเฉพาะอาชีพตำรวจของเค้า ทำให้มองคนออก และรู้ว่าใครจะเข้ามาแบบไหน ทางไหน เรียนรู้ถึงวงจร และสัจธรรมของคน บ่อยครั้งที่เค้าถูกโจมตีด้วยข่าวด้านลบ เราก็ยังคงยืนเคียงข้าง ให้กำลังใจอดทนข้ามผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ไปด้วยกัน จากเคยอยู่แฟลตตำรวจ ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ตัวกุ๊บเองค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัว บุกเบิกธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่พึ่งเงินที่บ้าน ค่อยๆ เก็บเงินสร้างครอบครัวมาจนกระทั่งมีวันนี้"
"คุณกุ๊บ" เป็นผู้หญิงที่โชคดี เป็นรักแรกที่ "บิ๊กโจ๊ก" สุดหวงแหนและเป็นรักสุดท้ายที่จะอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า เพราะเธอผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความยากลำบาก ยอมอดทนสู้อยู่เคียงข้างคนที่เธอรักมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ไม่อยากจะเปิดหน้าโชว์ หรือออกงาน ออกสื่อใดใด เพราะหน้าที่แม่บ้าน คือคอยให้กำลังใจ เติมกำลังใจให้สามีอยู่เบื้องหลัง คอยยินดีเมื่อเค้าประสบความสำเร็จและให้กำลังใจเมื่อสามีท้อแท้
สำหรับประเด็นร้อนๆ บ่อยครั้งที่สามีเคยมีข่าวถูกโจมตีหลายๆ เรื่องในแวดวงตำรวจ
"รู้สึกเป็นห่วงเค้ามากค่ะ เวลาที่เค้าโดนกระแสข่าวแรงๆ คือไม่มีใครสนใจเค้า เพื่อนกันเจอหน้าเค้ายังไม่ทัก อันนี้คือสัจธรรมชีวิต เราไม่อยากให้เค้าคิดมาก แต่เราเชื่อมั่นในความดี เชื่อมั่นในความกตัญญูและสิ่งที่เค้าทำ เชื่อว่าจะส่งผลให้เค้าผ่านเรื่องราวข้อครหาทุกอย่างไปได้ไม่ยาก เวลาจะช่วยๆ คัดสรรคนดีๆ เข้ามาในชีวิต ส่วนคนที่ไม่ใช่กัลยาณมิตรที่ดีต่อกันก็จะค่อยๆ ห่างออกไปเอง เค้าเป็นคนชอบทำบุญทำทาน แต่ไม่เคยออกสื่อนะ ทุกครั้งที่ว่างเค้าจะไปวัด โดยเฉพาะวัดชนะสงคราม ไปบ่อยค่ะ"
"ความรักไม่ได้อยู่ที่ชื่อเสียเงินทอง ยศ ตำแหน่งใหญ่โต ความรักอยู่ที่ความเข้าใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู่เคียงข้างยามแก่เฒ่า หากเรายึดติดความรักโดยมองเรื่องเงินทอง ฐานะ หรือของนอกกาย ความสวยงามรอบตัวเป็นหลัก ความรักมันก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น หากจะรักใครสักคน ให้รักที่ตัวตนของความเป็นเค้า จะยากดีมีจน หากเราเลือกแล้ว เราก็จะต้องอยู่เคียงข้างเค้าไปทุกฤดูชีวิต โดยไม่สนคำครหา"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "บิ๊กโจ๊ก" ยันไม่เกี่ยวเว็บพนัน เผยที่ผ่านมาควักเงินส่วนตัวทำคดี เหตุ ตร.งบน้อย
- "อัจฉริยะ"ยันไม่มีใครแกล้ง "บิ๊กโจ๊ก" ขยายผลตามรอยคดีเดิมมาเจอ
ตอนที่เค้าสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้ กระทั่งวันไปรายงานตัว คุณพ่อเค้าก็หอบพามาเช่าโรงแรมเล็กๆคืนละ100-200 นอนในกรุงเทพ คือพ่อเค้าสอนมาดีมาก อยากให้ลูกมีอนาคตไกล เป็นนายร้อยตำรวจ พอใช้ชีวิตในกรุงเทพ เค้าก็ต้องประหยัดเงิน อยากกินอะไรแพงๆก็ต้องอดทน เก็บเงินเป็นค่ารถ เค้ารักพ่อมาก อยากเก็บเงินไว้เลี้ยงพ่อตอนชรา ซึ่งตอนนี้เค้าทำสำเร็จแล้ว
"เค้าเชื่อพ่อ รักพ่อ และพ่อเค้าสอนลูกชายมาดีมากๆ ตั้งแต่เค้าเป็นตำรวจ ยศ ร.ต.ต. ยาวมาจนถึงทุกวันนี้ เชื่อมั้ยคะว่าไม่มีสักวันที่เค้าจะหยุดทำงาน กลับมาถึงบ้านก็มีแต่เรื่องงานตลอด เรียกได้ว่าแทบจะ 24 ชม. ตอนลงไปรับตำแหน่ง ทำงานที่สงขลา ต้องรับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอ รู้สึกเป็นห่วงเค้ามาก เคยยื่นแคตตาล็อกปืนให้เค้าเลือก อยากซื้อให้เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว .. เค้าคงเห็นถึงความตั้งใจของเรา จำได้ติดตา เค้าเงยหน้ามาแล้วก็ยิ้มให้"
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงอีกมุมหนึ่งของนายพลคนดำที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ มีเพียงภรรยาที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ผ่านเรื่องราวมากมาย มีกระแสโจมตีเสียหาย ก็ได้แต่ปลอบใจกันและกันให้อดทน นั่นเพราะพื้นฐานเค้าไม่ได้ร่ำรวยเพียบพร้อมเหมือนคนอื่นๆ
ในยามที่เค้าเจอวิกฤตชีวิต หลายคนไม่อยากแม้แต่จะมองหรือจะทักเค้า ทักเค้า แต่พอเค้าทำงานตั้งใจ นายรัก กลับกลายเป็นถูกครหาอย่างอื่น คนที่เคยห่างก็อยากเข้ามาใกล้ขึ้น เชื่อว่าบิ๊กโจ๊ก และคุณกุ๊บ จะได้เรียนรู้สัมผัสตัวตนของคนชัดๆ ตอนที่ตกต่ำ เรียนรู้จนลึกซึ้งว่าใครกันที่รักเราจริงๆ
ชีวิตไม่แน่นอนเลย มีขึ้นมาลง มีก้าวพลาดล้มบ้าง แต่ความแน่นอนที่สุด คงจะเป็นความรักที่ "คุณกุ๊บ" มีให้ "บิ๊กโจ๊ก" ความรักที่มองข้ามผ่านฐานะ ยศ ตำแหน่ง จน-รวย ไม่สำคัญ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่สามีภรรยาคู่นี้ ได้อยู่เคียงข้าง ร่วมทุกข์ ร่วมสุขดูแลกันไปจวบจนสิ้นแสงแห่งชีวิต
"นิยามความรักของตัวเธอกับสามี เปรียบเหมือนเพื่อนสนิท ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน ช่วยคิด ช่วยสร้าง อยู่ดูแลปลอบใจประคับประคองวันที่ล้ม และเฝ้าชื่นชมในวันที่สามีประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน"
"พี่โจ๊ก เค้าเป็นคนรักครอบครัว รักเพื่อนฝูง และถ้ารักใครสักคน จะเป็นพี่เป็นน้อง เค้าก็จะรักและให้เกียรติ ให้ความไว้วางใจ อย่างที่เค้ารักเราเลยผ่านมาจนวันนี้ ความรักของเค้าไม่เคยเปลี่ยน คำไหนคำนั้น จะทุกข์ จะสุขอย่างไร เค้ายังเป็นคนเดิม อย่างเช่นคำพูดสำคัญมาก เค้าพูดเพราะเหมือนวันแรกที่รู้จักกัน การกระทำก็ยิ่งตอกย้ำว่า เราโชคดีมากที่มีสามีเป็นพี่โจ๊กมาร่วมชีวิต พี่โจ๊กก็บอกว่ากุ๊บเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเค้า"
"เวลาที่พี่โจ๊กว่างจริงๆ กิจกรรมที่เขาชอบทำคือ เล่นกีฬา เข้าวัดทำบุญ และทานข้าวนอกบ้านร่วมกัน ชีวิตเราสองคนไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่เคยต้องไปเที่ยวยุโรป อเมริการ่วมกัน ไม่เคยต้องไปญี่ปุ่น เกาหลี หรือประเทศไหนๆ แต่กุ๊บก็มีความสุขที่เห็นสามีทำงานเพื่อบ้านเมือง ห่วงอย่างเดียว เพียงแค่...ขอให้เขาแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทุกประการค่ะ"
"ฝากไว้ให้คนมีความรัก ขอฝากข้อคิดดี ที่ไม่ควรมองข้าม หากเมื่อไหร่เจอปัญหา ขอให้รู้ว่าสติ อารมณ์ ความรู้สึก
คือสิ่งที่เราต้องรับมือให้ได้ หากมีปากเสียง ทะเลาะ ขัดแย้งกันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ ไร้ซึ่งความเข้าใจ ไม่ให้อภัยกันและกัน ปัญหานั้นอาจบานปลาย"
"ปัญหาชีวิตคู่ บางทีเหมือนลิ้นกับฟัน เราหลีกเลี่ยงที่จะเจอมรสุมไม่ใด้ สิ่งที่ต้องทำคือ คุมสติให้อยู่ ไม่จำนนต่อปัญหาถาโถม ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินใจ อุปสรรคมีไว้ข้ามผ่าน ไม่ใช่วิ่งหนี"
"หากเราใช้ความอดทนในการใช้ชีวิตคู่ วันหนึ่งก็จะถึงวันที่หมดความอตทน แต่จงเปลี่ยนการใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน
เป็นความเข้าใจ เชื่อใจ สบายใจ ท้ายที่สุดจะเป็นความรักมั่นคงยาวนาน"
ปิดท้ายกันที่กระแสร้อนเที่ยวล่าสุด!!
ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยา บิ๊กโจ๊ก บอกสามีไปลาออกดีกว่า ทำงานหนัก ค่าใช้จ่ายเยอะ ยังมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมต่อสายโฟนอินในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ชี้แจงในหลากหลายประเด็น กรณีลูกน้องถูกออกหมายจับหลังพบเส้นทางการเงินเกี่ยวโยงเครือข่ายพนันออนไลน์ โดยทาง "บิ๊กโจ๊ก" ได้ชี้แจงในหลายประเด็น รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และออกหมายค้นบ้านตนเองเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
โดยบิ๊กโจ๊กบอกว่า ปฏิบัติการนี้เป็นการจงใจดิสเครดิต เป็นการเมืองใน ตร. ตนรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และมีหลายคน "เป็นการแบ่งงานกันทำ" รู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่ามีใครบ้าง 1 2 3 4 !!!
หากดูให้ดีจะเห็นว่า การออกหมายจับตำรวจ ต้องไปออกที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่นี่กลับไปออกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สอดใส้ชื่อตำรวจไปกับพลเรือน "หมกเม็ด" ด้วยการใช้คำนำหน้านามว่า นาย ไม่ใช้ยศ แบบนี้เป็นการหลอกศาลไหม แล้วหมายค้นก็ยังมาออกที่ศาลอาญารัชดา ทั้งที่ต้องออกที่ศาลอาญาทุจริต
ยิ่งไปกว่านั้น หมายจับตำรวจออกมาตั้งแต่วันศุกร์ เขารู้อยู่แล้วว่าลูกน้องตนอยู่แฟลตตำรวจ ใครๆ ก็รู้ ทำไมศุกร์ เสาร์ไม่ไปจับ แต่รอจนมาออกหมายค้นวันอาทิตย์ แล้วมาจับกุมหน้าบ้านตนวันจันทร์ เพราะรู้ว่าลูกน้องจะต้องมารับตนทุกเช้า แบบนี้มันชัดเจนว่าเป็นการแบ่งงานกันทำชัดเจน
"บิ๊กโจ๊ก" ยังกล่าวอีกว่า
“ผมเองก็เบื่อ อะไรกันนักหนา ขนาดภรรยาผม (ดร.ศิรินัดดา หักพาล) ยังบอกให้ผมไปลาออกดีกว่า ไม่ต้องไปทำแล้ว ทำงานขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ ยังเจอเรื่องแบบนี้อีก เพราะภรรยาตนก็ไม่ได้ออกงานอะไรในฐานะภริยาตำรวจอยู่แล้ว”
สำหรับในประเด็น ใครที่ก้าวจะขึ้นเป็น ผบ.ตร. ตนไม่อยากไม่ยุ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องของท่านนายก และที่ประชุม ก.ตร. ตนไม่อยากไปยุ่ง เวลาราชการตนยังเหลืออีกหลายปี ใครจะข้ามอาวุโสใครยังไงก็ทำไป ตนไม่ไปฟ้องอยู่แล้ว
ขอขอบคุณที่มา : policenewsvarieties.com