26 กรกฎาคม 2566 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ศึกษาวิจัยและค้นพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" (Minimocursor phunoiensis) ไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก กลุ่มกระดูกเชิงกรานแบบนกหรือออร์นิธิสเชียน (Ornithischia) ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค้นพบที่ภูน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ หรือ จูแรสซิกปาร์คเมืองไทย ในหมวดหินภูกระดึง ยุคจูแรสสิกตอนปลาย (150 ล้านปี) ตัวแรกของประเทศไทย และเป็นไดโนสาร์สายพันธุ์ไทยตัวแรกของจังหวัดกาฬสินธุ์
ดร.พรเพ็ญ จันทสิทธิ์ นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ หนึ่งในทีมนักวิจัย อธิบายที่มาของการค้นพบครั้งนี้ ว่า กรมทรัพยากรธรณีทำงานร่วมกับ ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประเทศฝรั่งเศส ด้านการสำรวจแหล่งขุดค้นภูน้อยมาตลอด ซึ่งทำให้ค้นพบตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์จำนวนมาก
สำหรับไดโนเสาร์ตัวที่ 13 นี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการศึกษาระดับปริญญาเอกซึ่ง ดร.พรเพ็ญ จันทสิทธิ์ เป็นที่ปรึกษาร่วม โดยผู้วิจัยได้นำตัวอย่างมาให้พิพิธิภัณฑ์สิรินธรอนุรักษ์เพิ่มเติม นำหินที่ปิดทับซากดึกดำบรรพ์ออกโดยใช้ปากกาลม เพื่อให้เห็นลักษณะกระดูกมากขึ้น แม้จะใช้เวลานานในการเตรียมตัวอย่างและการศึกษาวิจัยถึง 5 ปี แต่เมื่อเห็นรายละเอียดของกระดูกแต่ละชิ้นเพิ่มเติม จึงสามารถระบุชนิดสายพันธุ์ออกมาได้
ชิ้นนี้ที่นิสิตได้นำมาศึกษาวิจัยได้ก่อน เป็นชิ้นที่สมบูรณ์ที่สุดที่พบในแหล่ง เป็นโครงกระดูกที่เกือบเต็มทั้งตัว ต่อเนื่องกันตั้งแต่กระดูกสันหลัง ซี่โครงครบทุกซี่ สะบัก กระดูกเชิงกราน และขาหลัง ที่เชื่อมต่อกัน แล้วก็มีกระดูกฝ่ามือ และเมื่อกรอเอาหินออกเพิ่ม เราก็เห็นกระดูกมากขึ้น เช่น ส่วนที่เป็นกะโหลกกระดูกแก้ม กระดูกส่วนขากรรไกร และฟัน และแสดงลักษณะเด่นเพิ่มเติม ส่วนตัวอย่างอื่นที่ใช้มาอ้างอิงร่วมด้วยก็จะมีกระดูกกรามล่าง กระดูกหน้าแข้ง ฝ่าตีนจรดกรงเล็บของตัวที่ใหญ่กว่าตัวอย่างต้นแบบ ซึ่งเราเจอไปก่อนหน้านี้หลายปี
เราจึงมี มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส ตัวเล็กและตัวใหญ่อีกตัว หลังจากนำไปเปรียบเทียบกับกระดูกของไดโนเสาร์ในกลุ่มใกล้เคียงกันที่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีลักษณะใกล้กันมาก และด้วยภูมิศาสตร์บรรพกาลที่เชื่อมต่อกัน เราพบลักษณะเด่นที่ต่างกัน ทีมวิจัยจึงบอกได้ว่า ตัวที่พบที่ภูน้อยเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลก
สำหรับไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยกลุ่มออร์นิธิสเชียน ที่ค้นพบมาก่อนหน้านี้ ทั้ง ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กิ สยามโมดอน นิ่มงามมิ ราชสีมาซอรัส สุรนารีเอ และสิรินธรนา โคราชเอนซิส อยู่ในหมวดหินโคกกรวด ยุคครีเตเชียสตอนต้น อายุประมาณ 115 ล้านปี ส่วนมินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส ที่พบในหมวดหินภูกระดึงในยุคจูแรกสิกตอนปลายอายุ 150 ล้านปี จึงเป็นไดโนเสาร์ออร์นิธิสเชียนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ขณะนี้
ทั้งนี้ แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อย เป็นพื้นที่เล็กๆ ประมาณ 1,200 ตารางเมตร ขนาดเท่าสนามบาสเกตบอลสามสนาม บนภูเขาหินตะกอนลูกเล็กที่อยู่ตามแนวเทือกเขาภูพาน ตำบลดินจี่ อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ หมวดหินภูกระดึง
ตั้งแต่เริ่มการขุดค้นอย่างเป็นระบบเมื่อปี 2551 หน้าดินค่อยๆ ถูกเปิดออกทีละน้อย จนเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี ตั้งแต่ผิวดินไล่ขุดลึกลงไปเกือบ 5 เมตร มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ ทั้งฟันขนาดเล็กเพียงไม่กี่มิลลิเมตร จนถึงกระดูกขนาดใหญ่ยาวเกือบ 2 เมตร
จากการขุดค้นของทีมสำรวจพิพิธภัณฑ์สิรินธร และศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปัจจุบันมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์พืชและสัตว์มากกว่า 5,000 ขึ้น มีการศึกษาแล้วพบว่าเป็นชนิดใหม่ของโลกหลายชนิด ได้แก่
และยังคงดำเนินการศึกษาวิจัยตัวอย่างอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ผลการวิจัยในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการศึกษาวิวัฒนาการและถิ่นอาศัยในอดีตของไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก กลุ่มกระดูกเชิงกรานแบบนกหรือออร์นิธิสเชียนในยุคจูแรสสิก และเป็นหลักฐานแสดงถึงความหลากหลายชีวภาพของแหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อย
ที่ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2551 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 และกำลังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านซากดึกดำบรรพ์รวมถึงเป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของนักวิจัยทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูล : กรมทรัพยากรธรณี