กรณีค้นหา 22 กำลังพล"เรือหลวงสุโขทัย" ที่ประสบภัยจากเรืออับปางกลางอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเข้าสู่วันที่ 6 ของการค้าหา ทางกองทัพเรือ ได้ระดมยุทโธปกรณ์และสนธิกำลังทุกภาคส่วน ส่งเรือออกค้นหา 6 ลำ พร้อมอากาศยานที่ได้รับการสนับสนุน จากกองทัพบก
วันที่ 24 ธันวาคม 2565 จ่าเอก กฤติเดชา สวียานนท์ หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตช่างทหารเรือ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “จ่ากล้า ทับสะแก” ระบุว่า บทความจากการเล่าของพี่สายัณต์ ส่วนใครจะคิด วิเคราะห์ อย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ เหตุการณ์จริงที่มาจากเพื่อนผมเองที่รอดชีวิต ร.ท.สายัณต์ กิจเกียจ เล่าให้เพื่อนที่มาเลี้ยงต้อนรับเขาวันนี้ ว่า
"จากที่คุยกับเป้า (ร.ท.สายัณต์ ก.) และพี่จี จ่า พลาธิการที่อยู่เรือนานที่สุดต่อจากชุดรับเรือ ผนังเรือกราบซ้ายใกล้ ๆ ปืน 76/62 gun bay มีรอยร้าว มีน้ำรั่วเข้าเรือ ผนังเรือเริ่มฉีกขาดมากขึ้นจากการที่โดนคลื่น มวลน้ำจำนวนมากเข้าตัวเรือ เรือเริ่มเอียงทางกราบซ้าย ฝาแฮ้ต บริเวณป้อมปืน 76/62 ปืนหัวเผยอ ทำให้น้ำเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เรือเสียอาการ เครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องไฟฟ้าฉุกเฉินไม่ทำงาน เครื่องไฟฟ้ามี 3 เครื่อง รวมกับเครื่องฉุกเฉินอีก 1 รวมเป็น 4 เครื่อง เครื่องจักรใหญ่ดับ เรือเสียการควบคุม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทุกคนรีบออกจากเรือ พี่จีเหล่าพลาธิการ จัดชูชีพ 30 ชุดให้ กำลังพล นย สอ.รฝ แต่เหมือนส่วนมากจะห่วงสัมภาระที่เป็นกระเป๋าของตัวเองมากกว่า เรือเอียงมากแทบจะขนานกับผิวน้ำ เรือ กระบุรีมา ทุกคนเริ่มทะยอยกระโดดออกจากเรือ ลอยคอมาที่เรือกระบุรี เพื่อนเป้าบอกว่ามีอาการน้ำดูด 3-4 ครั้ง คือต้องเกาะกันเป็นกลุ่ม 4-5 คน เพื่อไม่ให้น้ำดูด คนที่อยู่เดี๋ยวจึงโดนดูดไป เช่น พี่สามารถ (ร.ท.สามารถ แก้วผนึก) รุ่น 35 น้องม้าช่างโซน่าร์ รุ่น 41 ผู้การออกจากเรือเป็นคนสุท้าย
จนได้รับการช่วยขึ้นเรือกระบุรี แกเข้ามากอดเพื่อนเป้าแล้วร้องไห้ บอกว่าจะบอกญาติลูกน้องที่เสียชีวิตยังไงดี ทุกคนพยายามเอาตัวรอด แต่คลื่นลมแรงมาก อีกอย่างทุกคนไม่ได้กินข้าว เพราะเรือโคลงทำอาหารไม่ได้ จึงไม่มีแรงกัน"* นี่ก็เป็นข้อมูลจากปากเพื่อนผมเอง หากใครจะได้ข้อมูลอื่น ก็สุดแล้วแต่มุมมองของใครครับ
ข่าวและภาพ สุรยุทธ ยงชัยยุทธ
สำนักข่าวเนชั่น ประจวบคีรีขันธ์