21 เมษายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Tup Meesupwatana" ได้โพสต์มุมมองของนักตกปลาที่มีต่อ "ทราย" หลังเกิดกระแสดราม่า การปลด "ทราย" ออกจากที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยมีการว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ไม่ยอมรับแก้ไข โดยเนื้อหาเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้ร้ายที่ไม่ได้อยากเป็น ทำไมคนที่ปกป้องทรัพยากรอย่างสุดชีวิต ถึงมีคนเห็นต่าง และไม่อยากจะร่วมงานด้วย ผมจะพูดในมุมของ #นักตกปลา ที่ใช้ทรัพยากรทะเล และมีความต้องการที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรเหมือนกัน
ผมชื่นชมที่คุณทรายมีความแน่วแน่ในการอนุรักษ์ และทุ่มเททุกอย่าง แต่การอนุรักษ์มันต้องเป็นแนวทางที่คุณทรายคิดไว้เท่านั้น? การที่มีคนมาใช้ทรัพยากรด้วยสิทธิอันชอบธรรมแล้วไม่ถูกใจ ก็จะโดนประนามว่าเป็นผู้ร้าย ทำให้การขอความร่วมมือจากคนที่อยู่กับทะเลอย่างนักตกปลา กลายเป็นเรื่องยากในอนาคต ทั้งที่ความจริงคนเหล่านั้นอาจจะเป็นแหล่งข้อมูลทางวิชาการ และพยายามหาเลี้ยงชีพตัวเองอยู่
ยกตัวอย่างคนตกปลาใน 2 กรณี
1. ฉลามเสือ
ปี ต.ค. 2024 ไต๋เรือเอาภาพฉลามเสือที่ตกได้ในอดีต มาลงใต้คอมเม้น เนื่องจากมีคนถามว่าแสมสารมีฉลามด้วยเหรอ? ฉลามตัวนี้โดนตกเมื่อ 5 ปี ที่แล้วโดยลูกค้าของไต๋เรือ ซึ่งเป็นสิทธิของลูกค้า เพราะมันไม่ได้มีกฏหมายคุ้มครอง ไต๋เรือก็ไม่ได้อยากจะเอากลับ แต่กลับโดนเอาไปแขวน บอกชื่อเรือ และคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปก็มารุมสาปแช่ง ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจ
ผมเข้าใจดี ว่าทำไมคนดำน้ำ และนักอนุรักษ์ถึงไม่พอใจ เพราะฉลามมันสวยงาม มันเป็น Iconic มันยากที่จะเจอเวลาดำน้ำ ผมก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะตกฉลามมาแล้วทำให้มันตxย เราจะปล่อยก็ได้ ฉลามที่มีชีวิตย่อมมีค่ามากกว่าเนื้อฉลามราคาถูก เรามีปลาทางเลือกอื่นอีกหลายชนิด แต่มันมีอีกหลายวิธีที่คุณทรายสามารถเลือกได้ในการให้ความรู้เรื่องความสำคัญของฉลามเสือ มากกว่าการ Post แบบนั้น ทุกวันนี้โพสนั้นก็ยังอยู่ แนวทางที่ชี้ไปมีแต่ความเกลียดชังระหว่างนักอนุรักษ์ และนักตกปลา
2. นักตกปลาติดเกาะราชาน้อย
8 นักตกปลาไปตกปลาข้างแรม อีกวันเรือมารับไม่ได้เพราะคลื่นลมแรง ทัพเรือจึงออกไปช่วยรับกลับ คุณทราย Post ใน Story ว่า Should have left them there = น่าจะปล่อยไว้ที่นั้นเลย เรื่องฉลามเสือวันนั้น ผมเข้าใจตัวคุณทราย เพราะความสำคัญ และความหมายของฉลามเสือ แต่ในครั้งนี้ ผมสะดุดทันทีที่เห็น Story ของคุณ มันทำให้ผมรู้เลยว่าคุณทรายมีอคติกับคนตกปลา คนตกปลาคือคนที่เห็นต่างในสายตาคุณ คนที่ใช้ทรัพยากรอย่างชอบธรรม แต่ไม่ถูกใจคุณ ข่าวออกว่านักตกปลาทั้ง 8 เขาอาจจะไม่ใช่นักตกปลาทั้ง 8 คนก็ได้ อาจจะไปแค้มปิ้งเป็นครอบครัว อาจจะมีคนตกปลาแค่ 1-2 คน ที่เหลือแค่ไปเอาบรรยากาศ อาจจะไปพักผ่อนก็ได้ ตกปลาชายฝั่งมันจะได้สักเท่าไรกัน ตกปลามาย่างกิน มันผิดตรงไหน หรืออาจจะไม่ได้ปลาเลยก็ได้ เพราะคลื่นลมแรง คุณทรายยังไม่รู้เลยว่าเขาตกได้ปลาอะไร แค่ข่าวออกว่านักตกปลาติดเกาะ
ดูจากทั้ง 2 กรณีแล้ว ต่อให้ไม่ใช่ฉลามเสือ คนที่ทำกิจกรรมตกปลาก็ดูเป็นตัวร้ายในสายตาคุณทรายอยู่ดี
ผู้ร้ายในสายตาคุณ ก็รักในทรัพยากรเหมือนกัน บางคนก็ช่วยเอาข้อมูลต่างๆ ที่นักวิชาการไม่สามารถหาได้ หรือสิ่งที่นักดำน้ำไม่เคยเห็น ก็มาจากนักตกปลา หน่วยงานราชการยังต้องมาหาข้อมูลจากกลุ่มนักตกปลา เช่น ข้อมูลแหล่งที่อยู่ของฉลาม พฤติกรรมการล่า อาหารที่มันกิน เข้าแม่น้ำตอนไหน อยู่ถึงฤดูไหน ขนาดของมันที่จับได้ จับติด Tag และปล่อยเพื่องานวิจัย ใครทำครับ ถ้าไม่ใช่นักตกปลา? คุณไม่สามารถเอาอวนไปล้อมจับ Single out ปลาชนิดเดียว โดยไม่กระทบสิ่งมีชีวิตอื่นๆนะ แต่ตกปลามันเลือกได้
การที่คุณทรายเอานักตกปลา/ไต๋เรือ มาประจานทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย มันทำให้เกิดความแตกแยก และยากที่จะขอความร่วมมือในการเก็บข้อมูลเพื่องานอนุรักษ์ แม้แต่ผมเองที่อยู่ในวงการ และคนตกปลาน่าจะไว้ใจมากกว่าหน่วยงานนอกวงการ ในบางครั้งยังยากเลยที่จะขอความร่วมมือเรื่องงานอนุรักษ์ เพราะนักตกปลารู้สึกว่าเราอาจจะเป็นผู้ร้ายในสายตาคนทั่วไป ไม่อยากจะให้ข้อมูล ไม่อยากร่วมมือ ไม่อยากแสดงตัว และบางทีก็สวนกลับคนที่ว่าร้าย ไปด้วยภาพปลาตาย เอาให้บาดใจนักอนุรักษ์ สุดท้ายมันจบที่ตรงไหน มีแต่ความสะใจ และคุณได้แต่ความเกลียดชัง
กิจกรรมตกปลา เบ็ด 1 คัน ต่อปลา 1 ตัว เล็กไป ใหญ่ไป ไม่ใช่ชนิดปลาที่เราต้องการ ก็สามารถปล่อยคืนได้เป็นการจับปลาที่ Sustainable ที่สุด ในวิธีจับปลาของประมงทั้งหมดแล้ว การที่คุณไม่กินอาหารทะเล ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องไม่กิน ไม่สามารถเข้าถึงทรัพยการได้ คุณทรายต้องเปิดใจ ยอมรับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนในมุมที่แตกต่าง
ตกปลามันเป็นกิจกรรมที่คนสามารถเข้าถึงธรรมชาติได้ง่าย ความรัก ความเข้าใจในทรัพยากรก็มาจากการที่เราได้สัมผัสมันอย่างใกล้ชิด องค์ความรู้ของแต่ละวงการควรจะมารวมกัน ร่วมมือกันเพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาทรัพยากรไม่ใช่เหรอ?
จุดประสงค์ของคุณทรายดี มีเงิน มีเวลา มี charisma แต่มันต้องมีวิธีที่เข้าถึงชุมชน ขอความร่วมมือจากกลุ่มต่างๆ คุณไม่สามารถทำงานอนุรักษ์คนเดียวได้
ใครละอยากจะโดนชี้หน้าว่าเป็นผู้ร้าย ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดกฏหมายแต่แค่ไม่ถูกใจ