11 มกราคม 2568 อาคารหมอเส็ง สำนักงานใหญ่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายสัญชัย วันพิรัตน์ หรือ"อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ โดยมีนายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตรประธานกรรมการบริษัท หมอเส็ง(ไทยแลนด์) จำกัด นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้หม่อมหลวงสกุล มาลากุล อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย พร้อมกันนี้ ได้มีลูกศิษย์อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรมเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
อาจารย์เบียร์ กล่าวว่า วันนี้มาแถลงข่าวเพราะคลิปข่าวของ อ.เบียร์ ที่เป็นกระแสอยู่ในทุกวันนี้เกิดความแตกแยกในด้านข้อกฏหมาย และข้อเท็จจริง ซึ่งทางเราอยากให้ทุกคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันทั้งด้านข้อกฏหมายและข้อเท็จจริง เข้าใจเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเรามีความเข้าใจตรงกันแล้วก็จะได้นำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง อ.เบียร์เป็นแค่เพียงฆารวาสคนสอนธรรม และถูกดำเนินคดีหลายข้อหา เช่น นำความเท็จเข้าสู่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ,หมิ่นประมาท,ดูหมิ่นคณะสงฆ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พวกท่านก็ยังไม่รู้หรอกว่าคดีพวกนี้คืออะไร เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนจึงจะเป็นประโยชน์ตามข้อเท็จจริง และจะได้ไม่เกิดความแตกแยก
และจะได้ไม่คิดว่าการเข้าถึงศาสนาพุทธมันถอยหลัง ซึ่งเริ่มจากที่ อ.เบียร์ ไปพูด 2 คลิปที่เกิดปัญหาขึ้นจนทำไปสู่การถูกดำเนินคดี
อาจารย์เบียร์ กล่าวว่า เนื่องจากมีกรณีที่มีคลิปวิดีโอที่แชร์กันอยู่ในโลกโซเซียล เกิดจากที่อาจารย์ไลฟ์เฟซบุ๊กสอนธรรมะอยู่ทุกวัน ซึ่งคลิปต้นเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน2567 ที่ผ่านมา แล้วเขาไปขุดขึ้นมาแชร์ย้อนหลัง เพื่อให้เป็นประเด็นสังคมในปัจจุบัน
อย่างกรณีที่มีการไปพูดว่า ตัวเองไปกล่าวอ้างพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น อาจารย์เบียร์ ชี้แจงว่า ความเป็นจริงตัวเองไม่ได้พาดพิงถึงสถาบัน แต่เจตนา เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ส่วนที่มีคลิปอาจารย์ไปพูดว่ามีแบ็คใหญ่นั้นคำว่าแบ็คใหญ่นั้น ในช่วงต้นคลิปตัวเองก็พูดชัดเจนแล้วว่าแบ็คเราคือพระพุทธเจ้า ซึ่งในคลิปก็จะมีคำว่าแบ็คเราคือพระพุทธเจ้า ไม่มีใครใหญ่เกินพระพุทธเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นนายพล นายกรัฐมนตรีหรือว่าสถาบัน ซึ่งเป็นการพูดยกตัวอย่าง โดยในพระไตรปิฎก ก็มีการพูดถึงบริบทนี้ว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือ และพุทธบริษัทสี่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกา
ดังนั้น พระพุทธเจ้าจะอยู่ในฐานะสูงสุดในโลกธาตุ แต่ในบริบทที่อาจารย์เบียร์พูดถึงไม่ได้ไปพาดพิงถึงสถาบัน หรือกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่เราพูดถึงบริบทที่พระองค์ของการที่พระองค์ทรงบันลือสีหนาทไว้ว่า พระองค์ทรงอยู่เหนือโลก พระองค์ทรงสอนให้ทุกคนพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยืนยันว่า สิ่งที่สอนในวันนั้นคือกำลังพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงสถาบันแต่อย่างใด
อาจารย์เบียร์ บอกอีกว่า สำหรับคลิปวิดีโอที่มีการตัดคลิปออกไปนั้น มีเจตนาจาบจ้วงสถาบันโดยการดึงสถาบันมาใส่ร้ายป้ายสีอาจารย์เองหรือไม่ เพราะมีการตัดเนื้อหาของพระพุทธเจ้าออกให้เหลือแค่เนื้อหาที่อาจารย์พูดว่า มีแบ็คใหญ่เหนือกว่าสถาบันทั้งหมด จนทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดจนนำไปสู่การฟ้องร้องเอาผิดตัวเอง ม.112 ซึ่งเป็นเป็นการใส่ร้ายป้ายสี และดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตัวเองไม่มีเจตนาในการพาดพิงถึงสถาบัน แต่คนที่ตัดคลิปมีเจตนาอะไร มีเจตนาพาดพิงถึงสถาบันเองหรือไม่ ซึ่งคลิปนี้ตัวเองพยายามอธิบายอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีคนพยายามนำคลิปไปปั่นกระแสโดยไม่ได้ฟังคลิปเต็ม
ส่วนคลิปที่สองมีการพูดถึงมหาเถรสมาคม อาจารย์เบียร์ บอกว่า บริบทนั้นมันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมช่วงเวลานั้น ส่วนตัวพูดถึงพระอาจารย์รูปหนึ่ง ที่กำลังมีการตรวจสอบไต่สวนในเรื่องของการสอนธรรมมะที่ไม่ถูกต้อง100% พูดไม่ตรงกับพระไตรปิฎก เชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีบางประเด็นที่ขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในความเห็น มหาเถรสมาคม จึงเรียกพระสงฆ์รูปดังกล่าวไปตรวจสอบ ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในสังคม
ตัวเองในฐานะฆราวาสผู้สอนธรรมะตัวเองจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในกรณีนี้มหาเถรสมาคมบางส่วนมีการตัดสินใจตามธรรมตามวินัยก็ถูกต้องดีแล้วควรแก่การรักษาไว้
แต่สำหรับบุคคลที่ทำตามกฎหมายแล้วก็ไม่ควรจัดการ ตัวเองก็ตำหนิไปตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสังคมทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนา ชี้โทษว่าใครถูกใครผิด รวมถึงไม่ได้มีการไปพูดถึงสมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งมีการไปปั่นกระแสว่า ตัวเองไปจาบจ้วงถึงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีการถวายเงินให้กับคณะสงฆ์ตามวัดที่ตนเองนับถือศรัทธาไม่ว่าจะเป็นวัดป่า วัดเขาต่างๆ โดยที่ผ่านมาได้มีการบริจาคเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท จะมาบอกว่าตนล่มจมต่อศาสนาได้อย่างไร รวมถึงปีใหม่ที่ผ่านมา ตนได้มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีโดยมีประชาชนเข้าร่วม 4,000 กว่าคน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระสังฆราช
ซึ่งหลังจากนี้ ตนพยายามที่จะเข้าไป กราบพระเถระด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่มีโอกาส เมื่อเกิดกระแสสังคมเช่นนี้ ตนก็อยากจะเข้าไปก้มกราบ เพื่อแสดงเจตจำนงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาตนสามารถก้มกราบพระปีนเสาได้ ดังนั้นตนก็ไม่มีเจตจำนงที่จะกล้าไปดูมินพระเถระสมาคม
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะนี้ มีความพยายามที่จะปลุกปั่นยุยง ให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยใส่ข้อความว่า #saveพระสังฆราช ทำให้ตนเป็นคู่ขัดแย้งกับพระสังฆราช ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตนเองมีความเคารพนอบน้อมต่อพระสังฆราชมาโดยตลอด รวมถึงสมเด็จพระมหาเถระ ซึ่งถ้าท่านเปิดโอกาส ก็อยากจะเข้าไปพบเพื่อรับโอวาท และกลับมาปฏิบัติตาม พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาตนไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่ตนเองกำลังจะสื่อสารได้ ทุกคนมีหลักความเชื่อเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่ตนเองพูด หรือสอนธรรมะอะไรไปในสังคม ก็อาจจะมีความคิดเห็นที่เห็นขัดแย้งกันได้เป็นเรื่องปกติ แต่ขอร้องว่า อย่าพึ่งรีบร้อนในการตัดสินใจ ให้หาข้อมูลหาข้อเท็จจริงก่อนที่จะมาด่ากัน
อย่าด่ากันด้วยการรังเกียจเดียดฉันท์กัน และจากการเข้าใจผิด ตนยังอยู่อีกนาน ยังไม่ตายวันนี้เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งรีบร้อนที่จะด่า เพราะเรื่องนี้มันเกิดจากคนที่รังเกียจเดียดฉันท์อาจารย์เบียร์ จึงเกิดกระแสดังกล่าวขึ้นมา พร้อมบอกว่าตั้งแต่เกิดกระแสดราม่ามา ตนก็ได้มีการไปออกมาหลายรายการ เพราะฉะนั้นตนก็พร้อมที่จะเคลียร์กับทาง กองทัพธรรม ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน หลังบ้าน ตนก็พร้อมที่จะพูดคุย แต่ที่ผ่านมาแต่ละรายการที่จะติดต่อไปนั้น กองทัพทำเองก็ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ และไม่ยอมออกรายการ จึงทำให้ตนไม่สามารถที่จะชี้แจงเจตจำนงของตนเองได้ว่าเจตจำนงที่แท้จริงของตนเองนั้นคืออะไร ซึ่งถ้าอยากจะให้ศาสนานั้นดีขึ้น เป็นคนพุทธ และยึดมั่นในศาสนา ก็ควรจะสมานฉันท์กัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้หากพิสูจน์แล้วว่าอาจารย์เบียร์เอง ไม่มีความผิดจะมีการฟ้องกลับกับคนที่แจ้งความหรือไม่ อาจารย์เบียร์ ระบุว่าในส่วนของตนเองไม่ได้คิดว่าจะต้องฟ้องกลับ แต่ในส่วนของคนอื่นหรือทีมงานที่เกี่ยวข้องก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขาให้เขาตัดสินใจกันเอง
ต่อมา คุณวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานบริษัท หมอเส็ง (ไทยแลนนด์) กล่าวว่าในส่วนของเรื่องประเด็นข้อกฎหมายจะมีการรวบรวมคลิปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ให้ตรวจสอบดูว่ามีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ และหากตรวจสอบว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปปลอม หรือถูกตัดต่อ คนที่เข้าไปแจ้งความก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ
แต่หากเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัยในส่วนของการกระทำของอาจารย์เบียร์ ทางอาจารย์เบียร์และคณะก็พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้
ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่า การที่พูดในลักษณะทำนองนี้เป็นเหมือนการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ ยืนยันว่า เรื่องการฟ้องร้อง ไม่ใช่การข่มขู่ ส่วนรายละเอียดในการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไรนั้น จะมีการแถลงข่าวภายหลัง ซึ่งตอนนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานรวมถึงรายชื่อคนที่จะถูกดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในอาทิตย์หน้า
ด้าน นายสุทธิ กิตติศุภพร เปิดเผยว่าจากประสบการณ์ที่ตนเป็นอัยการมาเป็น 46 ปี มองว่า เรื่องดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ให้ดูที่เจตนา ในการที่ไปกล่าวอ้างความผิดในมาตรา 112 นั้น เป็นข้อหาที่ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นต้องดูการกระทำว่ามีเจตนามุ่งหมายอะไร และต้องดูให้ครบถ้วนทั้งหมดไม่ใช่การตัดตอนหรือหยิบบางข้อความมาเท่านั้น ซึ่งตนเองไม่ได้ดูข้อเท็จจริงทั้งหมดจึงไม่ สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดได้แต่เบื้องต้นในมุมมองของนักกฎหมาย หมายข้อเท็จจริงนั้นยังไม่จบสิ้น แต่ส่วนตัวยังมองว่าขาดเจตนา